
“ทนายตั้ม”โร่พบ ตร. ยันไม่ได้ฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน “พี่อ้อย” พ้อหมดรักดึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นมา ลั่นหากฉ้อโกงพร้อมคืนเงิน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกรณีที่ถูก น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ”เจ๊อ้อย” แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท
นายษิทรา กล่าวว่า ตั้งใจเข้ามาหาพนักงานสอบสวน เนื่องจากตนได้บอกพนักงานสอบสวนไปหลายครั้งแล้วว่า พร้อมที่จะมาให้ข้อมูล และรอตำรวจเรียกไปให้ปากคำ แต่ทางตำรวจก็ไม่ได้มีการเรียก ทางตำรวจมีการเรียกฝั่งเจ๊อ้อยมาสอบหลายครั้งแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้ออกมาชี้แจง เนื่องจากอยากให้ฝั่งเจ๊อ้อยให้การอย่างเต็มที่ก่อน สำหรับเรื่อง 71 ล้านบาทตำรวจกองปราบน่าจะรู้แล้ว่าอะไรเป็นอะไรจากการสอบปากคำผู้กล่าวหากับพยาน น่าจะมีจุดที่ทางตำรวจพอจะรู้แล้วว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรื่องรถ เงิน 9 ล้านบาทจะฉ้อโกงได้อย่างไร
“เมื่อก่อนผมเป็นน้องรัก เขาให้ผมทำทุกโครงการ ผมก็ทำใบเสนอราคา ส่งมอบทุกอย่างตามที่เขาต้องการ พอตอนนี้หมดรักแล้ว ก็ดึงเรื่องนั้นเรื่องนี้มา ถ้าจะเข้าข้อหาฉ้อโกงผมต้องหลอกเขาสิ แต่ผมส่งงานตามที่เขาต้องการหมดทุกอย่าง เรื่องรถเบนซ์ค้นกันได้นะ Mercedes-Benz GLS AMG Premium ราคาตลาดอยู่ที่เท่าไหร่ 8-9 ล้านบาทไม่มีหรอกครับ ที่บอกผมเอารถเข้าไฟแนนซ์สื่อออกไปเริ่มเลอะเทอะแล้ว ที่มีการกล่าวอ้างว่า ผมนำรถไปให้จีนเทาเช่านั้น เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากชื่อเจ้าของรถเป็นเจ๊อ้อย ผมไม่มีสิทธินำรถไปปล่อยเช่าได้ ซึ่งผมได้ครอบครองรถคันนี้ไม่กี่เดือนเท่านั้น”ทนายตั้ม กล่าว
นายษิทราว่า พี่อ้อยน่าจะคุยกับสแกรมเมอร์ อ้างเป็นดาราจีนชื่อ เฉินคุน มีการโอนเงินให้หลายครั้ง ตนก็ไปตรวจสอบให้ สรุปว่าเป็นสแกรมเมอร์ ไม่ใช่ตัวจริง และบอกให้ไปแจ้งความ พอบอกแกก็ไม่เชื่อตนมั่นใจว่าทุกโครงการที่ทำส่งมอบงานหมด จะมาบอกว่าฉ้อโกงได้อย่างไร พอเรื่องมันแดงตนก็ต้องพูด แต่พูดให้พี่อ้อยเสียหายน้อยที่สุด ยืนยันว่า มีหลักฐานเอกสารการโอน รวมทั้งแชทไลน์ พยานบุคคล
สำหรับเรื่องเงิน 71 ล้านบาทขอยืนยันตนได้มาโดยเสน่หา คือ ไม่มีข้อผูกพัน หากฉ้อโกงไปหลอกเขาตนก็พร้อมจะคืน แต่หากไม่ใช่ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ตอนนี้ยังเป็นคดีความอยู่ จึงยังไม่ทราบว่าจะต้องมีการคืนเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่ หากไม่ต้องคืน ก็จะต้องเสียภาษี 5% ตามที่กฎหมายกำหนด