
นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุยอมรับเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ ถ้ากรมที่ดินรับโอนที่ดินไม่ถูกต้องก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย ว่า เมื่อครั้งที่ นายเสนาะ เทียนทอง และพวกได้เอาที่ดินของวัดมาทำเช่นนี้ พวกเขามีวัตถุประสงค์ทำนิติกรรมที่มีความผิดเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆะ ตามมาตรา 150 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นกรณีนี้นายทักษิณ ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย แต่วัดต่างหากที่ต้องเรียกค่าหาย เพราะนายทักษิณ นำพื้นที่ของวัดไปแสวงหาผลประโยชน์ที่เรียกว่าลาภมิควรได้ ฉะนั้นอย่าข่มขู่คุกคาม จะบอกว่าไม่มีใครกลัวแล้ว ชีวิตของนายทักษิณไปรับสารภาพไว้ตลอด อย่างน้อย 4-5 คดีที่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก และคดีนี้ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ คดี หากนายทักษิณบอกว่าเสียหาย ก็ต้องไปพิสูจน์อีกหลายคดีว่ากรณีนี้ที่เสียหายเกิดจากการกระทำของกรมที่ดินหรือไม่ หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทุจริตร่วมด้วย ก็ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐรายนั้นๆ
นายถาวร กล่าวว่า ที่ดินตกเป็นของวัดโดยอัตโนมัติ คนที่ไปเปลี่ยนทะเบียนมีเจตนาทุจริต การทำนิติกรรมเป็นโมฆะขัดต่อหลักกฎหมายและศีลธรรมอันดี ต่อให้นายทักษิณไปร้องแรกแหกกระเชอให้ตายเรียกหมื่นล้าน สองหมื่นล้านก็ได้ แต่ต้องไปพิสูจน์ในศาล ไม่มีศาลใดสั่งจ่ายให้คุณ แค่นี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ ยังจะข่มขู่เอากับรัฐไทย
เมื่อถามว่าทางกรมที่ดินประเมิน จะต้องมีการจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย ประมาณ 7.7 พันล้านบาท นายถาวร เผยว่า ถ้าอธิบดีคนใดจ่ายก็ติดคุก อยู่ๆ ไม่มีอำนาจจ่ายได้อย่างไร เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ถ้าเอาเงินหลวงไปจ่ายก็ติดคุกเอง เข้าตามมาตรา 150 ถ้าจะเล่นบทมวยล้มต้มคนดู เขาเรียกร้องมา แล้วเจ้าหน้าที่รัฐนำเงินไปจ่าย ถามว่าเอาเงินจากไหน ถ้าตั้งงบประมาณแผ่นดินไปจ่ายเรื่องนี้ ก็ติดคุกกันทั้งสภา ถ้าผ่านกฎหมายงบประมาณ เรื่องนี้หากนายทักษิณเรียกร้อง กรมที่ดินต้องปฏิเสธ ต้องดูก่อนว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ และขัดศีลธรรมอันดีหรือไม่ เมื่อเรื่องนี้เป็นโมฆะกรรมจะเรียกร้องอะไร มันคือความสูญเปล่า ที่สำคัญคือการสมคบกันเอาที่ดินหลวง