![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://www.phigudkhaow.com/wp-content/uploads/2024/06/845343_0-1024x683.jpg)
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่อาคารศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาองค์ความรู้รูปแบบผลิตภัณฑ์ผ้าชาติพันธุ์ตามโครงการ Ethnic Model ผ้าชาติพันธุ์ โดยมี ผู้เข้าร่วมอบรมจาก 49 กลุ่ม รวมกว่า 150 คน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนและ ดร.วันดี มีความสุขทุกครั้งที่ได้มาเปิดงานในวันนี้ เพราะงานเกี่ยวกับผ้าและงานหัตถกรรมเป็นงานที่มีความหมายยิ่งต่อวิถีชีวิตของคนไทย อันมีตัวอย่างในชีวิตจริงที่คนส่วนหนึ่งในสังคมได้ร่วมกันขับเคลื่อน ด้วยการน้อมนำพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” มาต่อยอดพัฒนาผ้าชาติพันธุ์ ซึ่งคำว่า “ชาติพันธุ์” เป็นคำที่สะท้อนความสวยงาม สะท้อนวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม และอัตลักษณ์เครื่องนุ่งห่มเครื่องแต่งกายที่มีชาติพันธุ์หลากหลาย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญอย่างยิ่งยวดของพวกเราชาวไทย 2 ประการ คือ 1.สังคมไทยเราเป็นสังคมแห่งความรัก ความปรารถนาดี คนไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน ศาสนาใด สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://www.phigudkhaow.com/wp-content/uploads/2024/06/845341_0-1024x683.jpg)
2.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมี “พระมหากรุณาธิคุณ” ต่อพวกเราคนไทยที่พระองค์ทรงมุ่งมั่นในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการทุ่มเทสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงรื้อฟื้นภูมิปัญญาการถักทอผ้าไทยและหัตถกรรมให้กลับคืนมาเมื่อ 50 ปีก่อน จากพระประสบการณ์ที่ปรากฏภาพซึ่งพวกเราทุกคนจะพบเห็นกันอย่างชินตาผ่านข่าวในพระราชสำนักช่วงเวลา 20.00 น. ของทุกวัน คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จะโดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงไปปฏิบัติพระกรณียกิจตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ในทุกถิ่นที่ทุรกันดาร พร้อมทั้งทรงซึมซับการเรียนรู้และถูกหล่อหลอมในการทรงงานด้านส่งเสริมหัตถศิลป์หัตถกรรมไทยเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน
ทั้งนี้ เมื่อทรงพระเจริญวัย พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นศึกษาเรียนรู้ด้านงานผ้าและงานดีไซเนอร์ในประเทศต่าง ๆ และทรงกลับมาทำให้สิ่งเหล่านี้มีความมั่นคงเคียงคู่กับประเทศไทยตราบถึงปัจจุบัน อันมีตัวอย่างที่สำคัญปรากฏในงาน OTOP Midyear 2024 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ คือ ผลิตภัณฑ์ผ้าไทยสามารถทำรายได้กว่า 400 ล้านบาท จากยอดจำหน่ายรวม 700 ล้านบาท หรือประมาณ 62.8% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดมาจากผ้าไทย นอกจากนี้ ในภาพรวมของประเทศ งานผ้าไทยและหัตถกรรมไทย สามารถช่วยคน 10 ล้านคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะไม่ได้มีแค่คนประกอบอาชีพทอผ้าเท่านั้น ยังหมายความรวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปลูกฝ้าย คนมีอาชีพดีไซเนอร์ตัดเย็บเสื้อผ้า โลจิสติกส์ขนส่ง รถรับจ้าง ก็มีรายได้ด้วย
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://www.phigudkhaow.com/wp-content/uploads/2024/06/845339_0-1024x683.jpg)
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่เราต้องช่วยกัน คือการมุ่งมั่นตั้งใจในการสืบ รักษา และต่อยอด ภูมิปัญญาผ้าชาติพันธ์ุ ทั้งไทยลาว ไทยทรงดำ ชาวเขา ชาวดอย ผ้าบาติก ผ้าปัก ผ้ามัดหมี่ ผ้ายกดอก ผ้าแพรวา หรือผ้าอื่น ๆ ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่เราจะได้มีโอกาสรับฟังคณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกในพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยทุกท่านจะมาร่วมถ่ายทอดแนวคิดเป็นภาษาคำพูดควบคู่การฝึกปฏิบัติให้พวกเราเข้าใจได้ง่าย ถ้าเราไม่เข้าใจก็สามารถซักถาม โดยเฉพาะข้าราชการทุกท่านต้องเป็นเหมือน “กามเทพ” ผู้นำสารรักจากพระองค์ท่านไปสู่ชาวบ้านได้อย่างถูกต้อง ควบคู่การนำเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาและเพื่อนข้าราชการในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการ delivery สิ่งที่ดีไปสู่พี่น้องประชาชน ดังคำว่า “ผู้นำต้องทำก่อน” ดังนั้น ทุกลมหายใจของข้าราชการมหาดไทยต้องระลึกถึงผ้าไทย นึกถึงสิ่งดี ๆ เพื่อชาวบ้าน ด้วยการลงมือปฏิบัติ มิใช่ทำเพียงสักแต่พูด และต้องคำนึงเสมอว่า ผ้าไทยไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องรายได้ชาวบ้านที่เพิ่มพูน แต่เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติที่เราต้องช่วยกันสนองพระดำริเพื่อทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงเรื่องเครื่องนุ่งห่มอย่างยั่งยืน
สำหรับ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้สอนให้เราล้าหลัง แต่สอนให้เรายืนอยู่บนลำแข้งเราได้ ไม่ว่าจะมีภัยพิบัติหรือมีภัยคุกคามอะไร เราก็จะยังคงอยู่ได้ เพราะเราสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า แลกเปลี่ยนวัตถุดิบภายในประเทศของเราได้ ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องจักร ไม่ต้องพึ่งพาผ้าใยสังเคราะห์จากต่างประเทศ อันจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่ดี ซึ่งการมีรายได้ที่ดีจะทำให้เกิดปลายทางที่ดี คือ “ความมั่นคงของชาติ” เพราะ 1 ในปัจจัย 4 ของมนุษย์ คือ ความมั่นคงด้านเครื่องนุ่งห่ม ควบคู่การสร้างรายได้ให้กับครอบครัว และเสริมสร้างความรัก ความอบอุ่น ทำให้เกิดชีวิตที่ดี เมื่อประชาชนมีความสุขก็ส่งผลทำให้ประเทศชาติมั่นคง โดยคณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ตลอดจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าทุกท่าน จะได้ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนมีความรู้ไปออกแบบตัดเย็บ พัฒนาผลงาน พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไทย รวมถึงการส่งเสริมการตลาด ที่มีนัยสำคัญในเรื่องส่วนที่เป็น Supply side ที่ยังมีไม่เพียงพอ ดังนั้น เราต้องทำให้มีกี่เพิ่มขึ้น ทำให้มีคนทอผ้าเพิ่มขึ้น มีกลไกกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้นทุกด้าน ช่วยกัน Change for Good ทำให้ความเป็นไทยยังคงอยู่ พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะประสบการณ์ไปยังลูกหลาน เพื่อให้มีแนวทางการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ มีทางเลือกในการช่วยเหลือครอบครัว เพื่อทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://www.phigudkhaow.com/wp-content/uploads/2024/06/845340_0-1024x683.jpg)
“เราทุกคนต้องช่วยกันแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการทำหน้าที่เป็นผู้นำและเป็นทหารเสือของพระองค์และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยการสื่อสารและการลงมือทำ ควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ตามเป้าหมาย UN SDGs ซึ่งมีจุดแตกหักอยู่ที่หมู่บ้าน เราต้องช่วยกันทำให้ทุกหมู่บ้านเป็น “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ที่มีความมั่นคงในปัจจัย 4 มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย มีการรวมตัวกันพูดคุยเป็นกลุ่มบ้าน ช่วยเหลือเจือจาร มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นจิตอาสาช่วยเหลืองานการของชุมชน สืบทอดวัฒนธรรมประเพณี มีสายใยความรักความเคารพ ถ่ายทอดส่งต่อสิ่งที่ดีไปยังลูกหลานคนรุ่นต่อไป ช่วยกันน้อมนำพระดำริสู่การปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ต้อง “Action Now” เพื่อท้ายที่สุด จะทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” อย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
ดร.วันดี กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพวกเราคนไทยทุกคนที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระเมตตาและพระราชทานแนวพระดำริเกี่ยวกับผ้าไทยอย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องการ coaching โดยสุดยอดดีไซเนอร์ เทคนิค knowhow การย้อมผ้า การทอผ้า ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีของชีวิตพวกเราทุกคน ดังนั้น พวกเราทุกคนมีหน้าที่ต้องต่อยอด ด้วยการพูดคุย แลกเปลี่ยน จดจำสิ่งที่ดี ขอคอนแทค นำไปพัฒนางานของพวกเรา เป็น “ผู้นำทำก่อน” ร่วมกัน จับมือกันเป็นภาคีเครือข่าย นำทุกองค์ความรู้มาเป็นอาวุธทางปัญญาและการปฏิบัติ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพราะความรู้ที่อยู่กับตัวเราจะเป็นอาวุธทางปัญญาที่ไม่มีใครเอาจากเราหรือลอกเลียนแบบเราได้ จงใช้โอกาสที่ได้มาพบกับผู้เชี่ยวชาญทุกท่านที่ไม่ได้มีโอกาสง่าย ๆ ทำให้ผ้าชาติพันธุ์อันเป็น product ที่พิเศษ และสวยงาม ที่ขายได้อยู่แล้ว มีความสวยสดงดงาม มีความวิจิตรบรรจงเพิ่มขึ้น ถูกอกถูกใจ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคตลอดไป
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://www.phigudkhaow.com/wp-content/uploads/2024/06/845344_0-1024x683.jpg)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_1024,h_683/https://www.phigudkhaow.com/wp-content/uploads/2024/06/845349_0-1024x683.jpg)