นายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการ ททท.น่าน นำผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสื่อมวลชนจำนวน 30 คนเดินทางมาที่อำเภอเกาะช้าง และจังหวัดตราด เพื่อร่วมโครงการ The Link Nan x Trat Green Route Good Trip (จากทะเลตราดสู่ทะเลหมอก) โดยมี นางพัชรินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด และผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดตราด ร่วมต้อนรับที่โรงแรมเกาะช้างพาราไดซ์ อ.เกาะช้าง จ.ตราด
นางพัชรินทร์ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2566 ทางททท.สำนักงานตราดได้นำผู้ประกอบการเดินทางไปยังจังหวัดน่าน เพื่อสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน เพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด จัดทริปทัวร์เพื่อนำนักท่องเที่ยวมายังจังหวัดน่าน ในขณะที่ผู้ประกอบการจังหวัดน่าน ก็เดินทางมาตราดและทางททท.ตราดได้จัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยว และชุมชนท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดตราด ให้ผู้ประกอบการนำไปจัดทริปทัวร์เพื่อเดินทางมาตราด
ทั้งนี้ จังหวัดน่านมีจุดเด่นในเรื่องภูเขา และทะเลหมอก รวมทั้งมีความเป็นธรรมชาติ และวัฒนธรรม ประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนจังหวัดตราดมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม และมีน้ำทะเลใส ทรายหาดขาวสะอาด และมีอาหารทะเลที่สด และอร่อย ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวทั้งสองจังหวัด ได้จัดทริปทัวร์นำเที่ยวเพื่อแลกเปลี่ยนกันได้อย่างดี และจะสร้างมูลค่าทางการตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งทั้งสองจังหวัดมีความต้องการที่เหมือนกัน
สำหรัง พฤติกรรมของชาวตราดนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค จำนวน ร้อยละ 35.16 และภายในภูมิภาค ร้อยละ 64.84 โดยจะพักค้างคืน ร้อยละ 64.66 และไม่ค้างคืน ร้อยละ 35.34 จะเดินทางในวันธรรมดา ร้อยละ 16.49 วันหยุดปกติ ร้อยละ 55.53 และวันนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดพิเศษ ร้อยละ 27.98 แต่ละปีจะเที่ยว 1.37 ครั้ง/ปี และจะเดินทางไปในลักษณะไปเป็นครอบครัว ร้อยละ 63.21 และไปกับแฟนร้อยละ 51.35 ซึ่งในปี 2566 ช่วง 5 เดือนแรก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจังหวัดตราดมากถึง 932,114 คน เป็นนักท่องเที่ยวไทย 582,286 คน และต่างชาติ 349,829 คน เติบโตขึ้น 3.17 ทำให้มีรายได้เข้าสู่จังหวัดตราดถึง 9,035.96 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น ร้อยละ 25.11
ด้านนายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการ ททท.น่าน กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือของ 2 จังหวัดท่องเที่ยวที่มีการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเพื่อให้เกิดความใกล้ชิด และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยจังหวัดตราดเน้นการท่องเที่ยวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับน่านที่รักษาความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยว การทำโครงการร่วมระหว่าง 2 จังหวัดมองแล้วคุ้มค่า จังหวัดน่านมีจุดเด่นในเรื่องธรรมชาติ และหัตถกรรมพื้นบ้าน มีการทำเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงระดับชาติ มีอัตรลักษณ์ของชุมชน มีวิถีชีวิตที่งดงาม และมีศิลป วัฒนธรรม ประเพณีที่เก่าแก่ ทั้งวัด และพิพิธภัณฑ์มีชีวิต และธรรมชาติที่งดงาม กลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศชื่นชอบ ซี่งการจัดโครงการในลักษณะนี้จะเกิดประโยชน์มากในเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันและจะเกิดผลในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันในแต่ละปีเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
“ส่วนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนน่าน พบว่า จะออกไปท่องเที่ยว นิยมไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือมถึงร้อยละ 61. 13 ภาคตะวันออกร้อยละ 11.07 และภาคกลางร้อยละ 10.56 โดยช่วงอายุ 45-54 ปี เดินทางมากที่สุดร้อยละ 29.2 ช่วงอายุ 35-44 ปี จะเดินทางรองลงมา ร้อยละ 29.00 ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภาคเหนือ เดินทางมาจังหวัดน่านมากที่สุดร้อยละ 59.01 และภาคกลาง ร้อยละ 13.71 และภาคตะวันออกร้อยละ 9.92 โดยในแต่ละปีทีทผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมากกว่า 1.3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย”นายโยธินกล่าว
ด้านนายพรชัย เขมะพรรคพงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด กล่าวว่า จังหวัดน่านเต็มไปด้วยวัฒนธรรม และมีประเพณีที่เก่าแก่ และมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจ รวมทั้งมีธรรมชาติที่เป็นภูเขาอากาศหนาว เป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาจังหวัดน่าน และหาประสบการณ์จากการเข้ามาสัมผัสกิจกรรมในแห่งท่องเที่ยว เช่น โรงงานโกโก้ แฟคตอรี่ที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกิจกรรมทำช็อกโกแลตอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่เกาะช้างผู้ประกอบการก็ทำเช่นนี้มาก่อน แต่หลังจากโรงแรม รีสอร์ทประสบความสำเร็จจึงหลงลืมและไม่ทำต่อซึ่งเรื่องนี้จะต้องรื้อฟื้นขึ้นมาเพื่อทำต่อและสร้างจุดขายของการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดขึ้นมาอีกครั้ง
ข่าว/ภาพ : จักรกฤษณ์ แววคล้ายหงษ์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดตราด
