ซักฟอกวันแรกเดือดผู้นำฝ่ายค้านเปิดฉากถล่ม”แพทองธาร”บริหารประเทศล้มเหลว

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เวลา 08.20 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่ง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กับคณะ รวม 165 คนได้ยื่นเสนอ

นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงข้อบังคับการประชุมต่อการอภิปรายในญัตติดังกล่าว ซึ่งได้ย้ำถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านและการตอบชี้แจงที่นายกฯ และรัฐมนตรีมีสิทธิตอบชี้แจง รวมถึงต้องอภิปรายในกรอบข้อบังคับ หากมีการผิดข้อบังคับ สมาชิกที่อภิปรายต้องรับผลของการกระทำ และตามกรอบของจริยธรรมซึ่งการกล่าวถ้อยคำที่ผิดกฎหมายต่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ นายกฯ รัฐมนตรรี หรือ สส. คนที่อภิปรายจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ การอภิปรายที่เสนอว่ามีชื่อของนายกฯ คนเดียวนั้น แต่การอภิปรายหากพาดพิงไปถึงรัฐมนตรีที่นายกฯ​มอบหมายงานให้สามารถชี้แจงได้ หากพาดพิงรัฐมนตรีที่เสียหายชี้แจงได้ ทั้งนี้ต้องยึดญัตติดังกล่าวที่เสนอมา

จากนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวเสนอญัตติ โดยย้ำถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพราะไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะ ความรู้ความสามารถและเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่รับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง ทั้งนี้ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่สัญญาไว้ เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนของกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาด ล้มเหลว ยอมให้บุคคลในครอบครัวชี้นำ ชักใให้ทำหรืองดเว้นการกระทำที่เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกหุ่นเชิด โดยมีบุคคลในครอบครัวเป็นนายกฯตัวตริงที่ไม่รับผิดชอบการใช้อำนาจ

นายณัฐพงษ์ อภิปรายรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า การบริหารราชการแผ่นดินเกิดดีลแลกประเทศ ที่คนตระกูลชินวัตรยึดเป็นแกนกลาง และมีกลุ่มผลประโยชน์เป็นแกนรอง ส่วนผลประโยชน์ของประเทศไว้พูดตอนจะเลือกตั้ง ทั้งนี้นายกฯ และครม. และพรรคร่วมรัฐบาล เล่นเกมเดียวกันมาตั้งแต่แรก เรื่องใดที่เดินหน้าเร็วไม่สนใจเสียงทักท้วง เพราะดีลประโยชน์ลงตัว คือ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ตอบคำถามสื่อมวลชน เมื่อ20 มี.ค. ถึงหัวข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องดีลประเทศ ที่ยอมรับว่าดีลตั้งรัฐบาลคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานะบิดากลับบ้านทันที

ทั้งนี้ การตั้งอยู่ของรัฐบาล แพทองธาร มีการแลกดีลผลประโยชน์ เช่น เรื่องการเมือง รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาธิปไตยประเทศถดถอย ซึ่งคะแนนวัดอันดับทางการเมืองตกต่ำลง จัดในกลุ่มประชาธิปไตยบกพร่อง แก้รัฐธรรมนูญไม่คืบหน้า และถูกนานาชาติประณามเพราะส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ด้านเศรษฐกิจ พายุหมุนทางเศรษฐกิจไม่เคยเกิดขึ้น จากที่ระบุว่าจะได้ 5% เหลือ 2.5% ไม่เหมือนคำโฆษณาแต่ทิ้งไว้ที่ราคาที่สังคมไทยต้องจ่ายมหาศาล

“พรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับว่าไทยรักไทยได้รับประโยชน์จากปัจจัยภายนอกไม่ได้เก่งด้วยตนเอง เช่น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่หมอชนบทขับเคลื่อนมาก่อนหน้านั้น การกระจายเม็ดเงินลงท้องถิ่นได้ประโยชน์จากโครงการมิยาซาว่า เมื่อเป็นรัฐบาลเพื่อไทยนโยบายดีๆที่กองบนโต๊ะไม่มี ทำให้คิดไปทำไป การบริหารประเทศได้นายทักษิณกลับมาเหมือนได้ผู้นำแพคคู่ คนหนึ่งมีประสบการณ์ อีกคนอยู่ในตำแหน่งเป็นคนรุ่นใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นมีผู้นำนอกระบบ ทำงานนอกทำเนียบ ชี้นำ นำหน้ารัฐบาล ไม่มีการรับผิดรับชอบเพราะไม่ถูกตรวจสอบ ส่วนคนในระบบ กลับขาดความรู้ความสามารถ วุฒิภาวะ และเจตจำนงทางการเมือง ทั้งนี้ประเทศไทยเสีย 2 ต่อ เพราะมีคนที่ลอยตัว ส่วนคนที่ถืออำนาจนั้นขาดคุณสมบัติ” นายณัฐพงษ์ อภิปราย

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายด้วยว่า ขณะที่ชาวสวนมีปัญหาเรื่องน้ำต้องใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อใช้ แต่กลับพบภาพอดีตนายกฯ ออกรอบตีกอล์ฟกับนายทุนพลังงาน เพื่อดีลสัมปทานไฟฟ้ามูลค่าหลายแสนล้านบาท สูบเงินในกระเป๋าชาวสวนให้กับเจ้าสัว

นายณัฐพงษ์ อภิปรายด้วยว่า ในประเด็นความยุติธรรม ที่คนตากใบยังรอความยุติธรรม แต่นายกฯ ไม่เร่งรัดติดตามตัวจำเลยที่หนีไปต่างประเทศมาดำเนินคดี ขณะที่นายกฯนอกระบบได้รับสิทธิอยู่ชั้น 14 เหนือระบบยุติธรรม ที่มี น.ส.แพทองธาร รับรู้ รับทราบสถานะของบิดามาโดยตลอด นอกจากนั้นในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีฉันทามติ แต่น.ส.แพทองธาร ตอกฝาโลงเรียบร้อยว่าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทัน ที่คุยกันในรัฐสภาเป็นละครปาหี่ที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ต้องให้แก้ไข ทำให้ประเทศไทยต้อสูญเสียประโยชน์ ต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญของ คสช.

“การแจกเงินหมื่นไม่สร้างการเติบโตเศรฐกิจไทย การสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ เห็นชัดล่วงหน้าว่าจะมีกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาลที่ได้รับประโยชน์ เป็นการสูญเสียโอกาสของคนไทยที่ได้รัฐบาลคิดไปทำไป ดีลแลกประเทศมีคนไม่ถึง 1% ได้รับผลประโยชน์ แม้จะทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ตกต่ำยิ่งกว่ารัฐบาลของคสช. ซึ่งอนาคตมีสิ่งที่ประเทศไทยต้องจ่ายมหาศาล ทั้งนี้สิ่งที่เราได้รับคือ พวกเราอ่อนแอ ไม่กล้าหวังอนาคตที่ดีกว่า ทั้งนี้การจัดตั้งรัฐบาลของดีลแลกประเทศ ทำให้ได้พรรคร่วมคณะรัฐประหาร หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จึงไม่อาจไว้วางใจได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

Message us