
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ …) พ.ศ….ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสมรสเท่าเทียมของกลุ่มหลากหลายทางเพศ
ทั้งนี้ หลังจากมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในวาระ 2 จนครบ 38 มาตรา ประธานในที่ประชุมได้ให้สมาชิกลงมติ ในวาระ 3 โดยมี ผู้ลงมติจำนวน 414 คน ปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วย 399 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 3 เสียง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากหรือไม่ โดยมีผู้ลงมติจำนวน 401 คน ปรากฏว่า เห็นด้วย 393 เสียง ทำให้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทำให้คณะกรรมาธิการฯต่างปรบมือ และโบกธงสีรุ้งด้วยความดีใจ
สำหรับ เนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าว ได้กำหนดให้การสมรสหรือแต่งงานครอบคลุมบุคคลทุกเพศ ไม่จำกัดแค่เพศชายและเพศหญิง พร้อมทั้งให้อายุการสมรสเป็น 18 ปี จากเดิม 17 ปี และการบัญญัติคำว่า “บุพการีลำดับแรก” ในกฎหมายให้มีสิทธิและหน้าที่เทียบเท่าบิดามารดา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ที่ผ่านร่างกฎหมายรสรสเท่าเทียม


