ชาวบ้านริมแม่น้ำน่านเมืองสองแควร้องผู้ว่าฯถูกไล่ให้รื้อถอนบ้านอยู่มาเป็น 100 ปี

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ได้ตัวแทนชาวบ้านกว่า 30 คน ที่อาศัยบ้านพักอยู่บริเวณริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ช่วงสะพานสุพรรรณกัลยา – สะพานเอการถ ได้รับความเดือดร้อน 60 หลังคาเรือน และชาวบ้านอีกประมาณ 200 คน กำลังถูกทางเทศบาลนครพิษณุโลกนำหนังสือแจ้งเตือนให้รื้อถอนอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และขนย้ายออกไปจากที่สาธารณะ เนื่องจากกรมโยธาธิการและผังเมือง จะดำเนินการก่อสร้างโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมริมแม่น้ำน่าน โดยให้ รื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน 30 เมษายนที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ได้ล่วงเลยระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ปรากฏว่า ชาวบ้านยังไม่ทำการรื้อถอน เทศบาลฯ จึงแจ้งเตือนเร่งรัดให้รื้อถอนและขนย้ายออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ หากพ้นกำหนดจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย สร้างความหวั่นใจให้กับชาวบ้านเพราะขณะนี้ยังไม่มีที่ดินและที่อยู่อาศัยใหม่ อีกทั้งหากยังไม่ดำเนินการจะถูกสั่งปรับวันละ 500 บาท อีกด้วย

นายสมยศ พวงมาลี อายุ 67 ปี ชาวบ้านที่เดือดร้อน บอกว่า  ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่มีความคืบหน้าเพราะที่ดินที่อาศัยอยู่มากกว่า 90 ปี ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย มีบ้านเลขที่ถูกต้องแต่ไม่มีโฉนดเพราะอยู่ในการดูแลของกรมเจ้าท่า มีการทำสัญญาเช่ารายปี แต่ช่วงหลังกรมเจ้าท่าไม่ได้เก็บค่าเช่า เนื่องจากยกให้เทศบาลเป็นหน่วยงานที่ดูแลต่อ กระทั่งเมื่อช่วงเดือน ธันวาคม 2566 ปีที่ผ่านมา ทางเทศบาลมีหนังสือคำสั่งให้รื้อถอนบ้านเป็นครั้งแรก ชาวบ้านทุกคนที่อาศัยอยู่ละแวกนี้รู้สึกตกใจมาก เพราะยังไม่เคยมีการเรียกประชุม หรือทำประชาพิจารณ์ใดๆ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเคยทำการประชาพิจารณ์ไปแล้ว 3 ครั้ง ชาวบ้านกลับไม่รู้

ทั้งนี้ หลังทราบเรื่องจึงรวมตัวกันไปที่เทศบาลก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เทศบาลให้ไปถามกับทางโยธาธิการและผังเมือง ทางโยธาธิการและผังเมืองก็ให้ไปถามทางเทศบาล ล่าสุดชาวบ้านก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา หรือการช่วยเหลือความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยให้กับชาวบ้านอย่างจริงจัง เพราะยังไม่มีที่อยู่อาศัยใหม่รองรับ ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง คนวัยทำงานก็มีอาชีพรับจ้างเงินเดือนไม่มากพอที่จะไปซื้อบ้านหลังใหม่

ด้าน นางสมชิต การะเกด อายุ 74 ปี ชาวบ้านที่เดือดร้อน บอกว่า ครอบครัวตนเองมีแต่ผู้สูงอายุและลูกชายป่วยติดเตียง จะหาเงินหาทองที่ไหนไปซื้อที่อยู่ใหม่ ไม่มีหนทางให้ไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในสภาพที่อิดโรยจากความเครียดและนอนไม่หลับ เคยมีเจ้าหน้าที่ทางเทศบาลยื่นข้อเสนอว่า จะหาบ้านสวัสดิการของรัฐให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน แต่จะต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ประมาณ 9 หมื่นบาท ก็ถือว่า เป็นเงินที่มากสำหรับคนไม่มีเงิน อายุก็มากขนาดนี้แล้วสถาบันการเงินใดจะมาปล่อยให้กู้ก็ยาก ไม่มีแรงจะไปสู้กับเทศบาลอีกแล้ว ทางเทศบาลต้องการที่จะรื้อบ้านตัวเองออกไป โดยไม่สนใจว่ าตนเองจะอยู่ที่ไหน นอนยังไง ทำไมไม่พูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดีกว่านี้ หรือมีการเยียวยาชดเชยค่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ หากมีที่รองรับพวกชาวบ้านที่เดือดร้อนก็พร้อมยินดีไปไม่ขัดข้องแต่อย่างใดเลย แต่ถ้าเลือกได้พวกตนก็ยังอยากจะอยู่บ้านหลังเดิม เพราะมีความผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเป็น 100 ปี

ต่อมา นายเชาวลิตย์  ชมวิจิตร  ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายวรวงศ์  พงศ์บุตร ป้องกันจังหวัดพิษณุโลก เป็นตัวแทนของผู้ว่าฯ พิษณุโลก เดินทางมารับมอบหนังสือจากชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งจะประสานไปยังหน่วยงานทุกหน่วยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมานั้นได้มีการพูดคุยหาทางออกผ่านกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สส.ในพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ข้อสรุป จนกว่า จะมีความชัดเจนว่าทุกคนทุกครัวเรือนมีความต้องการอย่างไรต่อไป

ข่าว/ภาพ : นายชินวัฒน์ สิงหะ ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิษณุโลก

Message us