
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง การที่มี ส.ส. ทยอยลาออกเป็นจำนวนมาก จะเป็นแรงกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภาหรือไม่นั้น ว่า การยุบสภาจากที่ติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความเหมาะสมแต่ละสถานการณ์มากกว่า เพราะการที่มีผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งลาออก ก็ยังไม่เคยปรากฎชัดว่าจะมีผลในการกดดันให้เกิดการยุบสภา
ทั้งนี้แม้บางยุคก็เคยมีการลาออกเหมือนกัน อย่างเช่นในช่วงรัฐบาลชวน 2 ตอนนั้นตนเองเป็นประธานวิปรัฐบาล มี ส.ส. ฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งก็ลาออก แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่ทั้งในการบริหารราชการแผ่นดิน และในสภาต่อไปได้ จนกระทั่งเรียกว่าเกือบจะครบเทอม เหลือเพียงสัปดาห์นิดๆ ก็มีการยุบสภา ซึ่งก็ไม่ได้ยุบเพราะเหตุนี้ แต่ยุบเพราะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้สัญญาว่าจะไม่อยู่ครบเทอม
“ฉะนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าจะมี ส.ส. กดดัน ด้วยการลาออกเพื่อให้เกิดการยุบสภา จะต้องมีการยุบสภาเสมอไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความเหมาะสมของแต่ละกรณีมากกว่า และ เวลานี้ รัฐบาลก็ยังมีเสียงมากกว่า”นายจุรินทร์ กล่าว
ขณะเดียวกันเมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีสัญญาณภายในอะไรหรือไม่ว่าจะมี ส.ส. ของพรรคย้ายออกไปอีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไร มีแต่มาเล่าให้ฟังเหมือนที่เคยตอบไปแล้วว่าจะมีคนนั้นคนนี้จะมาดูด แต่ตอนนี้ ส.ส. ทั้งหมดก็ยังมั่นคง แน่นเหนียวอยู่กับพรรค
สำหรับที่มีบางพรรคการเมืองพูดถึงสูตรการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีการรวบรวมเสียง ส.ส. กับ ส.ว. ให้ได้เกิน 375 เสียง เพื่อผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกฯ นั้น เรื่องนี้ตนเองได้ตอบไปชัดแล้วว่า ต้องให้ประชาชนให้คำตอบก่อน ต้องมีผลการเลือกตั้งปรากฎออกมาก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าประชาชนให้การสนับสนุนพรรคการเมืองไหนเป็นจำนวนเท่าไหร่ และพรรคการเมืองต่างๆ รวมกันแล้วใครได้เสียงข้างมาก จึงจะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตามกรณีที่จะเป็นการรวมเสียงทั้ง ส.ส. และ ส.ว. นั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ หากมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภารวมกัน
สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ในการบริหารราชการแผ่นดินตามความเป็นจริงนั้น อย่างน้อยที่สุด คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องได้เสียงจาก ส.ส. ในสภา เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย การบริหารราชการแผ่นดินก็จะไปต่อไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ที่เงื่อนไขเดียวว่าได้เสียง ส.ส. ส.ว. เกินครึ่งหรือไม่ แต่จะต้องมีเสียงในสภาผู้แทนฯ เกินครึ่งด้วย ไม่อย่างนั้นก็บริหารไม่ได้ เป็นนายกฯ ได้อย่างเดียว แล้วรัฐบาลก็ไปต่อไม่ได้