จี้สภาฯติดตามคดีถูกหลอกลวงในเรือนจำหลายกรณีไม่มีความคืบหน้า

เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรื่อง ขอให้เร่งรัดติดตามการโอนคดีที่ไม่มีความคืบหน้าและไม่ได้รับความเป็นธรรม อันเนื่องมาจากการถูกหลอกลวงในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ หลายกรณี อาทิ มีบุคคล แอบอ้างว่ารู้จักผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ในหลายส่วนราชการ หรือในคณะรัฐมนตรี โดยการขายโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับญาติผู้ต้องขัง รวมทั้ง มีการหลอกลวงว่า จ่ายเงินเพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับการพักโทษโดยเร็ว มีการขู่กรรโชกทรัพย์ให้มอบเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ต้องขังและญาติผู้ต้องขัง ขณะนี้ญาติได้ทำการแจ้งความดำเนินคดี และอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้ได้รับข้อเท็จจริง แต่ในปัจจุบันคดีดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด และข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส 3 ประเด็น ดังนี้

1. การหลอกลวงไม่เกรงกลัวกฎหมายอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำร่วมมือในการก่อคดีในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯตลอดระยะเวลา 3 ปี มีพยานเอกสารกว่า 2,000 หน้า มีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท มีการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ร่วมกันฉ้อโกงแบ่งหน้าที่กันทำในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเพื่อหลอกลวงญาติเหยื่อจำนวนมาก

2. การดำเนินคดีล่าช้า

3. การขอโอนย้ายคดีเข้ากองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากแจ้งความไว้นานแล้วตั้งแต่ ต.ค.65 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากเนื้อหาของคดีมีความยุ่งยาก ซับซ้อน เกี่ยวข้องกับหน่วยงานจำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด อีกทั้งมีการกล่าวอ้างถึงบุคคลสำคัญในประเทศ ทำให้ผู้เสียหายเชื่อถือ และ ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก บางรายต้องไปกู้มาเพื่อซื้อโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำให้มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตเป็นไปอย่างไม่ปกติสุข ต่อมาตำรวจได้มีการจับกุมบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าวได้แล้ว ซึ่งบุคคลดังกล่าวยอมรับว่ากระทำความผิดจริงและขอชดใช้เงินคืนให้ผู้เสียหาย โดยผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ย จะแบ่งจ่าย เป็นงวดๆ แต่ไม่ชำระหนี้แต่อย่างใด บางรายเป็นหนี้ 9 แสนบาท แต่จะชดใชดเพียง 4 แสนบาทเท่านั้น บางรายถูกหลอกเพิ่มอีกให้ไปลงทุนในโครงการก่อสร้างบ้านขายมีมูลค่าความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง และคาดว่าการหลอกลวงดังกล่าวทำเป็นกระบวนการ อาจจะมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมีการรู้เห็นเป็นใจ จึงสามารถหลอกลวงอยู่ได้ นานกว่า 3 ปี จึงขอให้ประธานสภาฯ เร่งรัดติดตามการโอนคดีที่ไม่มีความคืบหน้าและไม่ได้รับความเป็นธรรมอันเกี่ยวเนื่องจากการถูกหลอกลวงในเรือนจำ

โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า ขอบคุณชมรมฯ ที่ให้ความไว้วางใจในการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น จะขอรับเรื่องดังกล่าว ไปตรวจสอบตามกระบวนการนิติบัญญัติให้ถี่ถ้วน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และจะนำกราบเรียน ประธานสภาฯ เพื่อโปรดพิจารณา ดำเนินการคืนความเป็นธรรม ในกรณีดังกล่าวต่อไป

Message us