เมื่อวันที่ 25 กันยายน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. สั่งการ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.ศิษฏ์ พูลวงศ์ สว.กก.2 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม น.ส.ปิยณัฐฐา หรือ จอย อายุ 39 ปี น.ส.วิยะดา หรือ ซาร่า อายุ 35 ปี และ นายหยง หลี (Mr.LI yong) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันค้ามนุษย์จากการค้าประเวณี , สมคบเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ,.ร่วมกันเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรม กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์,ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ,ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเพื่อการอนาจาร,ร่วมกันช่วยเหลือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น ,ร่วมกันหลอกลวงส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร” สามารถจับกุม น.ส.ปิยณัฐฐา ได้ที่บริเวณหน้าห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.7 ต.คลองเปร็ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ส่วน น.ส.วิยะดา กับ นายหยง หลี จับกุมตัวได้ที่ บริเวณด่านตม.ขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 6 คน เข้าร้องทุกข์ตำรวจ บก.ปคม. หลัง ถูกหลอกลวงผ่านแอพพลิเคชั่น TikTok ให้ไปทำงานนวดแผนไทยสปาที่ประเทศเบนิน แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี หากใครขัดขืนก็จะถูกทำร้ายร่างกาย อีกทั้งในช่วงที่ทำงานระยะแรกจะยังไม่ได้รับเงินค่าตัว เนื่องจากต้องนำไปหักชำระหนี้ที่ทางกลุ่มคนร้ายอ้างว่าเป็นค่าแทร็ก หรือค่าใช้จ่ายในการเดินทางจนหมดก่อน
หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังเร่งสืบหาเบาะแส ก่อนทราบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการทำกันเป็นเครือข่าย แบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน โดยมี น.ส.ปิยณัฐฐา ทำหน้าที่เป็นแอดมิน TIKTOK คอยโพสต์ข้อความชักชวนเหยื่อ โดยอ้างว่า จะพาไปทำงานนวดสปาที่ต่างประเทศ เมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะส่งต่อไปยัง น.ส.วิยดา หรือ ซาร่า กับ นายหยง หลี สองผัวเมียเพื่อพาไปส่งร้านสปาแล้วบังคับให้ค้าประเวณี เมื่อพบหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัด เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ดังกล่าว
สอบสวน น.ส.ปิยณัฐฐา ให้การภาคเสธ โดยรับว่าเป็นแอดมิน TIKTOK ชักชวนบุคคลอื่นให้ไปทำงานนวดสปาที่ประเทศเบนินจริง เมื่อมีผู้สนใจติดต่อมาก็จะส่งเรื่องต่อให้ กับ น.ส.วิยดา ประสานทำเรื่องพาไปทำงาน โดยไม่ทราบเรื่องที่มีการบังคับให้ค้าประเวณี
ขณะที่ น.ส.วิยดา ให้การปฏิเสธ อ้างว่าตนเองเป็นเพียงพนักงานของร้านสปาที่ประเทศเบนิน ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมบังคับค้าประเวณีของทางร้าน ส่วนนายหยง หลี ในชั้นสอบสวนเจ้าตัวไม่ขอให้การใดๆ เบื้องต้นจึงนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
