
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 33.90 บาทต่อดอลลาร์ (แข็งค่ามากกว่าที่เราคาดไว้) จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ ขณะที่การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ เป็นปัจจัยที่ช่วยชะลอไม่ให้เงินบาทแข็งค่าไปมาก
ส่วนในวันนี้ เรามองว่า ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 33.95-34.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาบ้างแล้ว นอกจากนี้ หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อใกล้โซนแนวต้านแถว 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจมีแรงขายทำกำไรช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ในช่วงปลายเดือนและช่วงปิดปีงบประมาณของบรรดาบริษัทญี่ปุ่น ก็อาจทำให้มีโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศจากทั้งฝั่งผู้นำเข้าและบรรดาบริษัทข้ามชาติญี่ปุ่น ช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของบรรดาเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะ ดัชนี PMI ของสหรัฐฯ เพราะหากข้อมูลออกมาดีกว่าคาด และยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและกดดันเงินบาทได้ แต่เรามองว่า เงินบาทก็อาจยังไม่อ่อนค่าไปมากจนทะลุกรอบแนวต้านที่เราประเมินไว้ เพราะผู้ส่งออกบ้างส่วนก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์อยู่ และผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอจังหวะเงินบาทอ่อน ในการเพิ่มสถานะ Long THB (มองเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น)
ในช่วงนี้ เรามองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.20 บาท/ดอลลาร์