
คณะกรรมการกองทุนศรีบูรพา ร่วมกับ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย จัดงานครบรอบชาตกาล 120 ปี “ศรีบูรพา” กุหลาบ สายประดิษฐ์ โดยในภาคเช้ามีการทำบุญ ณ บ้านศรีบูรพา และภาคบ่ายมีกิจกรรมเสวนา อ่านบทกวี และประกาศผล “รางวัลศรีบูรพาเกียรติยศ”, “รางวัลศรีบูรพา” และ “รางวัลรพีพร” ประจำปี 2567 ณ บ้านศรีบูรพา ซอยราชวิถี 4 กรุงเทพฯ
นางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประธานกองทุนศรีบูรพา กล่าวว่า เนื่องจากปี พ.ศ.2568 นี้ นับเป็นวาระพิเศษครบรอบชาตกาล 120 ปี “ศรีบูรพา” กุหลาบ สายประดิษฐ์ คณะกรรมการกองทุนศรีบูรพาจึงมีมติร่วมกันในการยกย่อง นายคำสิงห์ ศรีนอก รับ “รางวัลศรีบูรพาเกียรติยศ” พร้อมทั้งประกาศผล “รางวัลศรีบูรพา” ประจำปี 2568 ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ซึ่งนับว่าได้รับรางวัลเป็นคนที่ 35 ขณะที่ “รางวัลรพีพร” ประจำปี 2568 ได้แก่ นายบัญชา อ่อนดี
นางชมัยภร กล่าวถึง รางวัลศรีบูรพา ว่า รางวัลศรีบูรพาก่อตั้งขึ้นโดยนายสุวัฒน์ วรดิลก หรือ “รพีพร” เมื่อปี 2531 เพื่อรำลึกและเผยแพร่เกียรติประวัติของนายกุหลาบ สายประดิษฐ์ – “ศรีบูรพา” (พ.ศ.2448-2517) นักประชาธิปไตย นักเขียน และนักหนังสือพิมพ์คนสำคัญของไทยและของโลก มอบสำหรับศิลปิน นักคิด นักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ ผู้มีผลงานอันทรงคุณค่า มีชีวิตที่เป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตที่ดีงาม และแบบฉบับการสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่าต่อสังคม โดยมีเงื่อนไขการพิจารณาดังนี้

1.เป็นนักคิด นักเขียน นักแปล กวี หรือนักหนังสือพิมพ์ผู้มีชีวิตที่เป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตที่ดีงามและสร้างสรรค์งานที่เป็นต้นแบบ หรือเป็นแบบฉบับที่มีคุณค่าต่อสังคมและมนุษยชาติมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน อย่างเช่น “ศรีบูรพา”
2. มีผลงานติดต่อกันมายาวนานกว่า 30 ปี และต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
3. ยังมีชีวิตอยู่
นักเขียนผู้ได้รับรางวัลศรีบูรพาเป็นคนแรก คือ นายศักดิชัย บำรุงพงศ์ (เสนีย์ เสาวพงศ์) และมีผู้ได้รับรางวัลศรีบูรพาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยผู้ได้รับรางวัลศรีบูรพาจะได้รับโล่รางวัล และเงินจำนวน 50,000 บาท ส่วนผู้ได้รับรางวัลศรีบูรพาเกียรติยศ จะได้รับโล่รางวัลเกียรติยศ
ประธานกองทุนศรีบูรพา ยังได้กล่าวถึง “รางวัลรพีพร” ว่า เมื่อ พ.ศ. ปี 2551 มูลนิธิรพีพรเพื่อสวัสดิการนักเขียนฯ ได้จัดให้มีการคัดเลือกนักเขียนเพื่อมอบรางวัลรพีพรขึ้น โดยดำเนินการตามเจตจำนงของสุวัฒน์ วรดิลก หรือ “รพีพร” อย่างแน่วแน่ นั่นคือ ให้กำลังใจนักเขียนที่มีใจเป็นนักเขียนจริงแท้ โดยไม่มีเงื่อนไข และในปี 2561 ได้หยุดดำเนินการไป เนื่องจากมูลนิธิฯไม่มีงบประมาณเพียงพอ

ต่อมา ในปี 2566 เป็นวาระครบรอบชาตกาล 100 ปี “รพีพร” สุวัฒน์ วรดิลก กองทุนศรีบูรพา ซึ่งเป็นกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 โดยสุวัฒน์ วรดิลกเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของศรีบูรพา ดังนั้น คณะกรรมการกองทุนฯ เล็งเห็นความสัมพันธ์ของนักเขียนรุ่นน้องที่มีต่อรุ่นพี่ผู้ล่วงลับ จึงจัดงานฉลองในวาระครบรอบชาตกาล 100 ปี รพีพร – สุวัฒน์ วรดิลก อย่างยิ่งใหญ่ ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และกองทุนศรีบูรพา เห็นสมควรดำเนินงานมอบรางวัลรพีพรต่อจากที่เคยทำมา โดยยังคงปณิธานของนายสุวัฒน์ วรดิลก ที่ว่า เป็นการให้ทุนเพื่อให้นักเขียนสามารถสร้างสรรค์งานได้อย่างมีความสุข และได้ปรับเป็นการมอบรางวัลทุกปี ปีละ 50,000 บาท โดยคงหลักการเดิม คือ
1. เป็นนักเขียนอิสระ
2. มีผลงานคุณภาพ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการวรรณกรรม
3. เป็นผู้สร้างสรรค์งานเพื่อสังคม ในแนวทางเดียวกับสุวัฒน์ วรดิลก
4. ยังมีชีวิตอยู่ และยังสร้างสรรค์งานอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในงาน “วันนักเขียน” ของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดจัดงาน 5 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารสมาคมศิษย์เก่าอำนวยศิลป์
นางชมัยภร กล่าวต่อด้วยว่า นอกจากการมอบรางวัลแล้ว ในวาระครบรอบชาติกาล 120 ปี ศรีบูรพา คณะกรรมการกองทุนศรีบูรพา ยังได้ริเริ่มการประกวดวรรณกรรมรางวัล “ยังศรีบูรพา” (Young Sriburapha ) ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 โดย รางวัลยังศรีบูรพา (Young Sriburapha ) ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสืบสานเกียรติยศและชื่อเสียงของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา) ให้อยู่ยั่งยืนในสังคมวรรณกรรมไทยตลอดไป เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์งานวรรณกรรมในแนวทางเดียวกับ “ศรีบูรพา” หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ และเพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัว และเกิดการเคลื่อนไหวต่อเนื่องในแวดวงวรรณกรรม ซึ่งปีแรกนี้จะเป็นการประกวดเรื่องสั้น ความยาวประมาณ 6-8 หน้า โดยมีแนวคิดของศรีบูรพาที่ว่า “ผู้ใดเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้นั้นเกิดมาสำหรับคนอื่น” อยู่ด้วย และตั้งชื่อเรืองใหม่ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Fcaebook กองทุนศรีบูรพา เปิดรับผลงานถึง 31 กรกฎาคม 2568