
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่กระทรวงการคลัง ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยกล่าวว่า ยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง ซึ่งไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค ก่อให้เกิดการผลิตและการจ้างงานจำนวนมาก โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอยู่ในภาวะหดตัว ยอดขายในประเทศลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งในส่วนของผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และ Supply Chain อื่นๆ กระทบการจ้างงานจำนวนมาก นอกจากนี้รถกระบะเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในภาคเกษตรและตามต่างจังหวัด เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ เนื่องจากมีความกังวลในความเสี่ยงในการชำระหนี้ของ SME และราคารถมือสองตกต่ำ เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร่งด่วน กระทรวงการคลัง โดย บสย. จึงได้ออกมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” เพื่อเป็นกลไกลดความเสี่ยงและเพื่อสร้างแรงจูงใจทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพิ่มการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์และช่วยให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพได้ต่อไป
รมช.คลัง กล่าวว่า มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ซึ่งเป็นครั้งแรกของไทย จะกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง วงเงินค้ำประกันในระยะแรก 5,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท โดย “บสย. จะค้ำประกันและจ่ายส่วนต่างของภาระหนี้กับราคาขายทอดตลาดให้กับสถาบันการเงินตามเงื่อนไข” โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ประชาชนใน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 รัฐบาลจะช่วยออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมค้ำประกันเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด เปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 30 ธันวาคม 2568 ซึ่งสอดรับกับช่วงเวลางานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 เป็นอย่างดี
สำหรับ มาตรการนี้จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ช่วยเหลือและสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น SME ที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่เพื่อประกอบอาชีพและสร้างรายได้ มาตรการนี้จะปลดปล่อยรถกระบะได้กว่า 6,250 คัน สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 5,000 ล้านบาท ลดความเสี่ยงและสร้างแรงจูงใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ และกระตุ้นอุตสาหกรรมรถกระบะ และช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์และ Supply Chain เช่น ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้จำนวนมาก