
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน พร้อมด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมรับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอล จำนวน 90 คน ณ โรงแรมเอสซี ปาร์ค ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้มารับแรงงานไทย จำนวน 90 คน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล และเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว โดยแรงงานไทยกลุ่มนี้ถือเป็นแรงงานชุดที่ 3 ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้กับสถานทูตฯ และได้เดินทางกลับจากอิสราเอลโดยสายการบิน Fly Dubai มาถึงสนามบินอู่ตะเภา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนที่จะมาพบญาติ ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้จัดเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์พร้อมประสานญาติอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนา

“กระทรวงแรงงานเชื่อมั่นว่า พวกเราจะสามารถพาแรงงานไทยที่เหลือทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี มีเพื่อนๆ พี่น้องแรงงานไทยบางส่วนแจ้งความจำนงว่า ขออยู่ทำงานที่อิสราเอลต่อ ในส่วนนี้หากเกิดภาวะวิกฤตจริงๆ คงต้องพากลับมาทั้งหมด ส่วนการกลับไปทำงานใหม่อีกครั้งหนึ่ง กระทรวงแรงงานได้แจ้งท่านนายกไปแล้วว่า ในส่วนผู้ที่ยังไม่หมดสัญญากระทรวงแรงงาน จะพยายามติดต่องานให้ จึงขอให้สบายใจได้ว่า กระทรวงแรงงานจะทำหน้าที่ประสานงานให้และเมื่อเหตุการณ์สงบจะพาทุกท่านกลับไปทำงาน หากมีความประสงค์ที่จะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง หรือท่านที่ไม่ประสงค์กลับไป สามารถแจ้งความประสงค์มายังกระทรวงแรงงาน เพื่อเดินทางไปทำงานยังประเทศอื่นๆ หรือหากมีความประสงค์จะทำงานในประเทศไทย เราก็พร้อมหางานให้ โดยขอให้แจ้งมาที่กรมการจัดหางาน และขอให้ทุกท่านเก็บตั๋วเดินทางในวันนี้ไว้เพื่อเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทางรัฐบาลจะดูแลรับผิดชอบในการเดินทางกลับมายังประเทศไทย และขอให้ทุกท่านช่วยสื่อสารไปยังเพื่อนๆ แรงงานไทยที่อยู่ในอิสราเอลที่ยังไม่ได้เดินทางกลับมา ว่าสามารถแจ้งมายังกระทรวงแรงงานได้” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไป หวังว่าหลังจากนี้ไปไม่เกิน 3-4 วัน น่าจะกลับมาได้ถึงวันละ 400 คน เพราะกระทรวงแรงงานมีการส่งเจ้าหน้าที่ 5 คน ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และเคยอยู่ในอิสราเอล กลับไปช่วย ส่วนเจ้าหน้าที่ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศก็ส่งไปประมาณ 10 คน มั่นใจว่าการเตรียมความพร้อม การอพยพจะดีและเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นผู้ลงทะเบียนขอกลับไทยไว้ 7,000 กว่าคน เชื่อว่าต้นเดือนหน้า (พฤศจิกายน 2566) น่าจะกลับมาได้ทั้งหมด

รมว.แรงงาน กล่าวด้วยว่า รายงานที่ได้รับมาล่าสุด น่าจะเสียชีวิตเพิ่มเป็น 28 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 18 คน บาดเจ็บ 16 คน ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลต้องยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตก่อน เพื่อดูแลเยียวยาญาติผู้เสียชีวิต อย่าไรก็ตามรัฐบาลอิสราเอลจะดูแลช่วยเหลือภรรยาผู้เสียชีวิตประมาณ 35,000 บาทต่อเดือน จนแต่งงานใหม่ หรือมีการจดทะเบียนสมรสใหม่ รวมถึงอุปการะดูบุตรโดยประมาณ 10,000-11,000 บาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยน) จนกระทั่งอายุ 18 ปี ส่วนคนที่บาดเจ็บไม่ถึง 10% จะรักษาพยาบาลให้โดยไม่มีค่าตอบแทน หากบาดเจ็บ 10-19% จะได้รับการเยียวยาครั้งเดียว 1,440,000 บาท แต่กรณีบาดเจ็บมากกว่า 20% ถึงขั้นทุพพลภาพ รัฐบาลอิสราเอลจะดูแลไปตลอดชีวิต

ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และอยู่ในความคุ้มครอง เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ทางกระทรวงแรงงานมีการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ทันที รายละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสงเคราะห์ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม หรือ กรณีทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ คนละ 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่าง ประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับสวัสดิการตามกฎหมายของประเทศอิสราเอล (ประกันการทำงาน + นายจ้างจ่าย) กรณีบาดเจ็บ/ พิการตามการรับรองของแพทย์ แบ่งเป็น บาดเจ็บ 10-19% ได้รับเงินก้อนเดียว ประมาณ 1,440,000 บาท บาดเจ็บเกิน 20% ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าจะเสียชีวิต โดยประเมินจากความสูญเสีย กรณีเสียชีวิตภรรยาและบุตร ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ และบุตรอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (ภรรยาเป็นเงิน 34,560 บาทต่อเดือน /บุตร เป็นเงิน 5,760-11,520 บาทต่อเดือน)