ขยายวงเงินทดรองราชการช่วยผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเป็น 200 ล้าน

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์แผ่นที่ดินไหว ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น มีพื้นที่รับรู้แรงสั่นไหว รวม 57 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยมี Aftershock ขนาด 2.8 – 7.1 รวม 138 ครั้ง และได้รับรายงานความเสียหายรวม 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน แพร่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และจังหวัดชัยนาท รวมถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และสูญหาย 80 ราย

ทั้งนี้ ในส่วนของความเสียหายด้านที่อยู่อาศัย พบว่า มีบ้านเรือนเสียหาย รวม 89 หลัง อาคาร 36 แห่ง และโครงการก่อสร้าง 14 แห่ง โดยอาคารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายบางส่วน เกิดรอยร้าว และมีเศษซากวัสดุหลุดออกจากผนังอาคาร ปัจจุบันได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดแพร่ อีกทั้งกรุงเทพมหานครได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติเต็มพื้นที่ ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีแผ่นดินไหว) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัด เป็นวงเงินในอำนาจของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 200 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายด้านการดำรงชีพและด้านการปฏิบัติงานฯ

“ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมและเป็นขั้นตอนของการจัดการพื้นที่ และแนวโน้มของการเกิด After Shock ลดระดับลง คาดว่า ภายใน 1 – 2 วัน กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติจะพิจารณาลดระดับการจัดการสาธารณภัยลงเป็นระดับ 2 (สาธารณภัยขนาดกลาง) โดยจะโอนอำนาจการสั่งการให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะคลี่คลายลงได้โดยเร็ว และทุกภาคส่วนจะเร่งเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว” ปภ. กล่าว

Message us

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว