“ก้าวไกล”หนุนเลิกครูอยู่เวรแต่งงไม่พบในมติครม.

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่รัฐสภา นายสุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้ยกเลิกครูเวร พร้อมกับให้มีการจ้างภารโรงว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะพรรคก้าวไกลมีนโยบายตั้งแต่ช่วงหาเสียงว่า เราจะเลิกให้ครูนอนเวรทันที หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล

ทั้งนี้ ขอขอบคุณรัฐบาลที่ยกเลิก และขอแสดงความยินดีกับเพื่อนครูทั่วประเทศ ไม่ต้องไปลำบากเสี่ยงภัยและเหนื่อยล้ากับการเข้าเวร แต่สิ่งที่ตนพบจากการได้ตรวจสอบรายงานการประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 ม.ค.เราไม่พบว่า มีวาระนี้ปรากฏในเอกสาร และไม่พบว่ามีมติการประชุมเราจึงมีข้อสงสัยว่า เป็นเพียงการสนทนาพูดคุยกัน และเห็นดีเห็นงามกันหรือไม่ เพราะไม่มีเอกสารบรรจุในวาระการประชุม ไม่มีบันทึกการประชุม เป็นเพียงคำปรารภหรือคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ หรือรมช.ศึกษาธิการ จะไปลบล้างหรือไปยกเลิกมติครม.เดิมได้หรือไม่

นายสุรวาท กล่าวว่า หากเรื่องนี้ไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุมครม.และไม่มีในการวาระการประชุม ไม่มีมติก็ให้รัฐบาลรีบดำเนินการ เพราะเมื่อมีมติออกมาแล้วจะต้องแก้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติด้วย คำปรารภหรือข้อสั่งการของนายกฯไม่อาจจะไปล้มล้างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีหรือมติครม.ได้ เพราะเป็นความเห็นของนายกฯคนเดียว เหตุการณ์แบบนี้พบอยู่บ่อยๆ ที่นายกฯพูดแล้วจนทำให้มีวาทะกรรมหนึ่งที่บอกว่า คิดใหญ่แต่ทำเล็ก แต่เรื่องนี้เราหวังว่าจะพูดใหญ่ทำใหญ่ จึงสนับสนุนให้มีการยกเลิกและให้มีการบริหารจัดการ และให้เทคโนโลยีเข้ามา หรือบุคคลกรที่มีความพร้อมที่จะเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัย เช่น ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งจะต้องเป็นไปด้วยความพร้อมทั้งหมด

“เมื่อวานนี้(23 ม.ค.)หลังจากที่นายกฯพูดว่าจะยกเลิกครูเวร ก็มีแต่ความว้าวุ่นสับสนเต็มไปหมด เพราะมีเพื่อนครูหอบเสื่อหอบหมอน หอบปิกนิกจะไปนอนโรงเรียน เมื่อมีข่าวออกมา ทำให้ครูสับสนว่าจริงหรือเปล่าเพราะตามข่าวยกเลิกทันที แต่ผอ.บอกว่ายัง เพราะต้องรอหนังสือก่อน แต่ก็มีหลายโรงเรียนที่ยกเลิกไปเลย ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลจะต้องทำ ให้เกิดความชัดเจน” นายสุรวาท กล่าว

นายสุรวาท กล่าวต่อว่า ส่วนการเพิ่มนักการภารโรง ปัจจุบันมีภารโรงประมาณ 1 หมื่นโรงเรียนที่ได้รับค่าจ้างเดือนละ 9 พันบาท ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หากจะเพิ่มภารโรงก็ต้องเพิ่มอีก 1.2 หมื่นแห่ง โดยที่กระทรวงศึกษาธิการของบกลางมาจ้างภารโรงให้ครบทุกโรงเรียน แต่ภารโรงถือเป็นคนละเรื่องกับเวรยามในการรักษาความปลอดภัย เพียงแต่ภารโรงอาจจะเกื้อกูลทำหน้าที่เวรช่วยครูได้ ตนก็เห็นด้วยที่จะมีภารโรงทุกโรงเรียน และเห็นด้วยที่จะใช้งบกลางของปี 2566 โดยใช้เงินจำนวน 1,140 ล้านบาท ในการจ้างภารโรงด้วยอัตราเดือนละ 1 หมื่นบาท

สำหรับ ในส่วนของพรรคก้าวไกลเห็นว่า ควรจะต้องตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ในงบประมาณปี 67 และ 68 แต่ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่กำลังพิจารณาอยู่ ไม่มีงบประมาณในการจ้างภารโรงอยู่ จึงขอเรียกร้องว่า ให้แปรญัตติงบส่วนนี้ในงบปี 67 เพื่อมาจัดจ้างภารโรงให้ครบตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 67 – 30 กันยาจน 68 และกระทรวงศึกษาธิการก็นำงบส่วนนี้ไปใส่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ที่ทางสำนักงบประมาณกำลังจัดทำอยู่ ไม่ใช่พอคิดได้แล้วจะเอาไปใส่ทีหลัง เพราะเรื่องนี้ควรเป็นงบประจำ

Message us