
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง โดยรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ประกอบการในการนำสินค้าที่ถูกต้องมาจำหน่าย พร้อมกับบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากอันตรายที่เกิดจากการบริโภคสินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยผนึกกำลังกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และเอกชน ลงพื้นที่ปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง ในแหล่งผลิตและจำหน่ายรายใหญ่ เพื่อตัดตอนและป้องกันการกระจายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไปยังท้องตลาด
ทั้งนี้ ชุดปฏิบัติการยังร่วมกับตัวแทนเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ บริษัท ซีเล็คทีฟ เทรดมาร์ค ยูเนี่ยน (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท สัตยะพล แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด บริษัท อาร์.ดับบลิว.ที. อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด บริษัท เอสแอนด์โอ ไอพี จำกัด บริษัท ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา นครศรีธรรมราช สงขลา กระบี่ ภูเก็ต ชลบุรี นครนายก สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี
ศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ถนนข้าวสาร ประตูน้ำ ศูนย์การค้าแพลทินัม และสำเพ็ง เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าละเมิดฯ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ ความเข้าใจถึงประโยชน์ของทรัพย์สินทางปัญญา อันเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุนภายในประเทศ ตลอดจนปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคสินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานอีกทางหนึ่งด้วย
นายวุฒิไกร กล่าวว่า ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงมกราคม 2567 ชุดปฏิบัติการมีการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งสิ้น 110 คดี ของกลางจำนวน 89,031 ชิ้น โดยหนึ่งในจำนวนคดีและของกลางทั้งหมดเป็นการจับกุมผงปรุงรสปลอมเครื่องหมายการค้าเจ้าดัง จำนวน 69,404 ชิ้น ซึ่งเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ทั้งนี้บทลงโทษของการจำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ปรับสูงสุด 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับสูงสุด 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ