
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.ได้มีการเชิญประธานคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้ง ผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทแม่ เพื่อมาหารือกรณีตรวจพบถังดับเพลิงแบตเตอรี่รถยานยนต์ไฟฟ้า(รถ EV ) ซึ่งผลิตโดยบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ลอบใช้เครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
ทั้งนี้ จาการตรวจสอบครั้งนี้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่สรุปว่า มีการกระทำผิดกฎหมายของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ดับเพลิงแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน หรือแบตเตอรี่ EV จริง จะมีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. จะดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากอาจเข้าข่ายในการหลอกลวงผู้บริโภคอีกด้วย

นอกจากนี้คณะทำงานของกมธ.อุตสาหกรรม ได้ทดสอบอุปกรณ์ดับเพลิงแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนดังกล่าว พบว่า ไม่สามารถดับเพลิงแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน หรือ แบตเตอรี่รถ EV ได้จริงตามที่มีการทดสอบ และที่ประชุมของทุกหน่วยงานที่เข้าประชุมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นำเสนอผลการศึกษาและทดสอบจริงของคณะทำงานของกมะ.ได้มีความเห็นเช่นเดียวกันว่า สารดับที่ผลิตจากบริษัทในเครือของ ปตท.ไม่สามารถดับเพลิงได้จริง และยังพบอีกว่า สินค้าถูกกระจายไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศแล้ว จึงสอบถามแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้าน ตัวแทนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ได้รับว่าจะให้บริษัทในเครือที่ผลิตถังดับเพลิงดังกล่าวทำการเรียกคืนสินค้าทั้งหมดโดยเร็ว พร้อมกับ เร่งเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างเร่งด่วน
“ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ขอเป็นตัวแทนทางกมธ.ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถพบการกระทำผิดดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแล้วไม่สามารถดับเพลิงด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวได้ ทำให้เกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ได้มีการรายงานไปยังนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรมซึ่งกำกับดูแลสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โดยได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการกระทำความผิดในครั้งนี้ มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เป็นการป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเรา
นอกจากนี้ทางกมธ.อุตสาหกรรม จะทำรายงานส่งต่อไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากทาง ปตท. เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของนายอัครเดชในครั้งนี้ถือว่าไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม แม้ว่า บริษัท ปตท.จะอยู่ในการกำกับดูแลของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน และเป็นหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งอยู่พรรคเดียวกันกับนายอัครเดช และถือเป็นการตบหน้ากระทรวงพลังงานที่ไม่กำกับดูแลหน่วยงานใต้บังคับบัญชาให้ตรวจตราปัญหาเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน โชคดีที่ไม่เกิดอันตรายก่อน เพราะตรวจเจอต้นตอปัญญาก่อนจะลุกลามบานปลายใหญ่โต