เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พร้อมด้วย นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส. กทม. เขตดอนเมือง และดร.ชนิดา จารุจินดา คณะทำงานด้านเศรษฐกิจยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ ร่วมติดป้ายอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาผู้แทนราษฎร ล้อกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 โดยมีเนื้อหาวิจารณ์การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพว่า “พอที 8 ปีหนี้ท่วม” “หยุดอุ้มเจ้าสัว เหยียบหัวประชาชน” “เซ็งป่ะ? แอปเป๋าตังค์ที่ไม่มีตังค์” และมีป้ายที่เสนอนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจคนตัวเล็กและ SMEs เพื่อปิดช่องว่างของรัฐบาล ได้แก่ “สุดารัตน์-สุพันธุ์ แก้หนี้-เติมทุนให้ประชาชน” “เงินด่วนประชาชน 5,000 ถึง 50,000 บาท” “ยกเว้นภาษี SMEs 3 ปี” “พักหนี้เสียโควิด 3 ปี จ่ายดอกให้ 2 ปี”
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยไม่มี ส.ส. แต่เราเห็นหนี้ที่ประชาชนต้องแบกรับสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารที่ล้มเหลวของภาครัฐ จึงอยากจะสื่อสารไปถึงผู้บริหารประเทศให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยด่วน รวมทั้งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและเติมทุนให้ประชาชนและ SMEs เดินหน้าทำธุรกิจต่อไปได้
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีโอกาสเยอะแยะมาก แต่วันนี้รัฐบาลและเอกชนต้องร่วมกันทำ ถ้าไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาลเชื่อว่าจะแก้หนี้และทำให้เศรษฐกิจกลับมาดีได้ภายใน 3 ปี เราจะเน้นแก้หนี้และเติมทุนให้ประชาชนมีอาวุธในการกลับไปทำธุรกิจ และเชื่อไทยจะกลับมาเป็นยักษ์ผู้บิ่งใหญ่ในอาเซียนได้แน่นอน
ด้าน นายการุณ กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มภาคภูมิเลยเพราะว่ามันมีวาระซ้อนเร้นมาตลอด มีการคุยกันหลังบ้านเพื่อเอื้อเจ้าสัว ร่วมขบวนการคอร์รัปชันและทำให้บ้านเมืองเสียหาย ส่วนตัวเห็นว่าแม้จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์นี้ เต็มที่ก็อาจจะทำได้แค่ประจานเรื่องส่อทุจริตกันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เสียหาย
“ถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงได้คงเปลี่ยนไปหลายปีแล้ว แต่เชื่อว่าทำได้เพียงสะกิดสะเกา และเป็นการหาวาระซ่อนเร้นเพื่อออกแบบหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง ผมเชื่อว่าจะไม่มีอะไรในกอไผ่ มีแต่หนาม เป็นเพียงสงครามน้ำลายเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้พรรคตัวเอง เป็นการเคาะปี๊บเรียกร้องประโยชน์เข้าพรรคการเมือง” นายการุณ กล่าว
สำหรับ ป้ายทั้งหมด 7 แบบถูกติดหน้าสภาผู้แทนราษฎร ถนนทหาร หน้ากระทรวงการคลัง และหน้ากระทรวงพาณิชย์ ในเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566
