เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มาทา ประธานรัฐสภา ได้เรียกประชุม คณะกรรรมการประสานงาน 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายวุฒิสภา , ฝ่าย 8 พรรค และฝ่าย 10 พรรค เพื่อหารือถึงกรอบการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 19 ก.ค.
โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ เป็นประธานการประชุม และมีตัวแทนจากแต่ละฝ่ายเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น พบว่า ทีมของพรรคเพื่อไทย นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคฯ ได้เดินเข้าห้องประชุม พร้อมกับนายสมชาย แสวงการ และนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว. ที่เป็นตัวแทนกรรมการประสานงานจากวุฒิสภา โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าทีมเพื่อไทยและส.ว. ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตรต่อกัน
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ว่า บังเอิญเจอกันในลิฟท์โดยสารเท่านั้นและทักทายกันตามปกติ ไม่มีอะไร
ทั้งนี้ก่อนการประชุมวิป 3 ฝ่ายจะหารือกันเป็นการภายใน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวกับที่ประชุมว่า ในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ได้รับความร่วมมือ ทำให้การประชุมเรียบร้อย การอภิปรายและการนับคะแนนได้แล้วเสร็จก่อนเวลา ถึง 2 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่ดีของการเริ่มประชุมรัฐสภาสมัยนี้ ซึ่งการประชุมไม่เสร็จสิ้น เพราะไม่ได้ผู้ที่จะเป็นนายกฯ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกนายกฯ ทำให้เสร็จสิ้น เพื่อให้มีนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ บริหารประเทศต่อไป จึงนัดประชุมอีกครั้งวันที่ 19 ก.ค.นี้
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่า ที่ประชุมพยายามใช้เหตุใช้ผลในการพูดคุย แต่ว่าสุดท้ายก็ยังไม่ได้มีข้อสรุป เพราะยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ เมื่อถามว่า ต้องใช้มติที่ประชุมในวันที่ 19 ก.ค.ชี้ขาดใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หลายๆ เรื่องคงอยู่ที่ประธานสภาด้วย ส่วนในวันที่ 19 ก.ค.จะเปิดให้มีการอภิปรายก่อนหรือไม่นั้น หากมีชื่อนายพิธา เพียงชื่อเดียวอาจจะไม่จำเป็นต้องมีการอภิปรายเยอะ
เมื่อถามว่า ยอมรับว่า จะต้องมีการโหวตเรื่องญัตติว่า จะเสนอชื่อนายพิธาอีกรอบได้หรือไม่ก่อน นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ยังเถียงกันอยู่ คนที่เสนอให้โหวตก็ใช้ช่องของระเบียบไม่เหมือนกัน ก็ยังงงๆ อยู่
เมื่อถามว่า ต้องดูหน้างานใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ใช่ครับ แต่ทางพรรคก้าวไกลเรายืนยันว่ากระบวนการเลือกนายกฯ มันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จะไปตีความข้อบังคับให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญก็คงไม่ได้ และมันจะสร้างบรรทัดฐานที่มีปัญหาได้ในอนาคต จึงตองพยายามใช้เหตุผล และขึ้นกับประธานในที่ประชุม
สำหรับในประเด็นข้อหารือของวิป 3 ฝ่ายวันนี้ ต้องจับตาการยกข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 หารือถึงทางออกว่า จะดำเนินการอย่างไร กรณีที่ญัตติใดที่เสนอต่อที่ประชุมและถูกโหวตไม่เห็นชอบแล้ว จะนำกลับมาเสนอซ้ำอีกได้หรือไม่ ซึ่งส.ว. มองว่า การเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกฯ นั้นคือญัตติที่ถูกตีตกไปแล้ว ดังนั้นหากจะเสนอญัตติโหวตนายกฯ โดยมีชื่อนายพิธาอีก อาจจะเป็นปัญหาได้ อย่างไรก็ดีแนวทางออกของเรื่องนี้คือ การเว้นใช้ข้อบังคับการประชุม ที่ต้องให้ที่ประชุมลงมติชี้ขาดอีกครั้ง
