จากกรณีที่สถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้โพสต์ประชาสัมพันธ์ว่า “ขอประชาสัมพันธ์ นาย ออง มาแจ้งว่าได้ทำกระเป๋าเงินตกหายระหว่างเดินทางไปชื้อขาวสาร อยู่ถนนเส้นทางบ้านหนองโสน หมู่ 4 ไปโรงสีตะโก ในกระเป๋ามีเงินอยู่ประมาณ 7,000 บาท พร้อมบัตรประชาชนเพราะแกยากจนมาก จะไปชื้อขาวสาร ท่านใดเก็บได้ขอความอนุเคราะห์ส่งคืนด้วยครับ สงสารคนไม่มีจะกินรัฐบาลให้มายังไม่ได้ใช้เลยครับ หมู่ 4 อีสานเขตครับ”
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ไปยังหมู่ 4 บ้านหนองโสน ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อจะไปสอบถามข้อมูลกับคุณลุงที่ทำกระเป๋าตังค์หล่นหาย ผู้ใหญ่บ้านก็พาไปที่บ้านของนายละออง หรือลุงออง อายุ 62 ปี สภาพบ้านลักษณะคล้ายกระต๊อบทั้งหลังคา และฝาพนังเป็นสังกะสีเก่าผุพัง ในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีเพียงที่นอนหมอนมุ้ง แหที่ใช้สำหรับหาปลา และอุปกรณ์ถ้วยจานชาม หม้อกระทะ เตาถ่าน ที่ใช้สำหรับประกอบอาหารเท่านั้น แต่ไม่พบลุงออง อยู่ในบ้าน สอบถามญาติพี่น้องใกล้เคียงก็บอกว่าน่าจะไปหาดื่มเหล้า เพราะลุงแกชอบดื่ม
อย่างไรก็ตาม ญาติได้ถามผู้สื่อข่าวและผู้ใหญ่บ้านว่า ตามหาคุณลุงทำไม พอบอกว่าคุณลุงไปแจ้งความว่าเงินที่รัฐบาลโอนช่วยเหลือมา 10,000 บาทหายไป 7,000 บาทระหว่างจะไปซื้อข้าวสาร น.ส.สุดารัตน์ อายุ 60 ปี น้องสาวของลุงออง บอกว่า เงินไม่ได้หายเขาเป็นคนเก็บกระเป๋าเงินไว้เอง พร้อมเอาเงินในกระเป๋าของลุงออง พี่ชายเก็บไว้ให้มานับให้ทีมข่าวและผู้ใหญ่บ้านดู พบว่าเงินเหลือจำนวน 5,780 บาท พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายนพี่ชายไปเบิกเงินที่รัฐบาลโอนเข้าบัญชีมา 10,000 บาท
ตนก็บอกพี่ชายว่า ขอไว้ 3,000 บาทได้หรือไม่ เพราะรู้ว่าพี่ชายเป็นคนชอบดื่มเหล้ากลัวเงินจะหมด ปกติก่อนหน้านี้ทั้งเบี้ยคนชราเดือนละ 600 บาท และเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนละ 300 บาทตนก็เป็นคนดูแลให้ทั้งหมด เวลาไม่มีข้าวหรืออาหารก็จะเอาเงินไปซื้อให้ บางทีพี่ชายก็มาเอาเงินสดไปซื้อเอง เพราะปัจจุบันพี่อยู่คนเดียว ลูกๆ เขาไปทำงานหากินและมีครอบครัวกันหมดไม่ได้มาดูแล พอวันที่ 27 กันยายนเห็นพี่ชายเมานอนไม่รู้เรื่องแล้วกระเป๋าที่ใส่เงินก็หล่นจากกระเป๋ากางเกง ตนจึงไปเก็บเอาไว้ให้เห็นเหลือเงินอยู่ 5 พันกว่าบาท หากตนไม่เก็บไว้ให้ก็คงจะหมดเพราะพี่ชายชอบดื่มเหล้า แทนที่จะเก็บไว้ซื้อของกินประทังชีวิต
เมื่อทีมข่าวไปหาตามร้านค้า ก็พบลุงออง อยู่ที่ร้านค้าห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลพบลุงอองกำลังดื่มเหล้าอยู่ จึงสอบถามลุงออง ก็เล่าให้ทีมข่าวฟังด้วยอาการที่ยังมึนเมาว่า หลังเบิกเงิน 10,000 บาทมา ก็ให้น้องสาวไป 3,000 บาท เก็บไว้ในกระเป๋า 7,000 บาทเอาไปซ่อมจักรยาน และตั้งใจจะไปซื้อข้าวสารเก็บไว้แต่เงินหายก่อน จึงไปแจ้งตำรวจ แจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้ง อบต.ด้วย เพราะไม่รู้เงินหายไปไหน พอนักข่าวบอกว่าเงินไม่ได้หายนะน้องสาวช่วยเก็บไว้ให้เหลืออยู่ 5 พันกว่าบาทลุงก็ดีใจ รีบปั่นจักรยานกลับบ้านไปพบน้องสาวกันที
ข่าว/ภาพ : สุรชัย พิรักษา ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์
