รทสช.20จังหวัด132เขตพร้อมดีเดย์ 25 ก.พ.ตั้งเวทีใหญ่โคราชเปิดประตูบุกอีสาน

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงความพร้อมของว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในภาคอีสานว่า ขณะนี้ภาคอีสานเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหญ่ เดิมหัวหน้าพรรคกังวลว่าจะหาผู้สมัครส.ส.ไม่ได้ ตนเริ่มต้นจากการไปพูดคุยกับแกนนำ นปช.และคนเสื้อแดงที่ จ.อุดรธานีบางคนเมื่อครั้งก่อนตั้งพรรค หลักการคือการจับมือกันยุติความขัดแย้งระหว่างภาคประชาชนจับมือกันสร้างชาติ ต้องถือหลักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการเมืองที่ซื่อสัตย์ปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ตื่นตัวมาก หลังจากตั้งพรรคเสร็จก็ได้ชวนหัวหน้าพรรคไปจ.อุดรฯ นัดแกนนำนปช.และคนเสื้อแดงมาพูดคุยกันปรากฏว่าได้รับการตอบรับด้วยดี

ทั้งนี้ หลังจากพูดคุยก็พบว่า มีผู้ต้องการลงสมัครส.ส.เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแถวสองพวกคุมกำลังคนเสื้อแดงหรือนปช.คนกลุ่มนี้เขาลาออกตั้งแต่มีการตัดท่อน้ำเลี้ยงและยุทธการแตกแบงก์พัน เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด คนกลุ่มนี้ถูกนายใหญ่หักหลังแต่ความคิดพวกเขาอยากเป็นนักการเมือง แต่ไปไม่ถึงฝั่งเพราะเข้าไม่ถึง คนกลุ่มนี้เมื่อลงการเมืองระดับท้องถิ่นได้รับเลือกตั้ง เพราะความเป็นคนเสื้อแดงและนปช. แต่เมื่อถูกทอดทิ้งก็อยากหาที่ยืนทางการเมือง พอพรรครวมไทยสร้างชาติไปคุยเรื่องการจับมือยุติความขัดแย้งเขาก็สนใจ หลังจากนั้นก็เกิดการกระเพื่อมของนปช.และเสื้อแดงภาคอีสานทั้งหมด แยกไม่ออกใครเป็นนปช.หรือไม่นปช.ที่วิ่งเข้าพรรคการเมืองต่าง ๆ บางคนไปอยู่พรรคไทยสร้างไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ ได้ 5-6 เดือนก็ถอยกลับมาพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายวิทยา กล่าวว่า ภาคอีสาน 20 จังหวัด 132 เขตเลือกตั้ง มาถึงวันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติมีว่าที่ผู้สมัครส.ส.เกือบครบทุกจังหวัดแล้ว ที่เป็นปัญหาคือ ว่าที่ผู้สมัครล้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคณะทำงานกำลังพิจารณาคัดเลือกร่วมกันแต่ส่วนใหญ่ลงตัวแล้วรอเวลาเปิดตัวเท่านั้น คิดว่าสิ้นเดือนนี้จะทยอยประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานได้ หลักเกณฑ์การคัดเลือกเราจะดูจากประวัติทางการเมืองที่ทำมา ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะส.จ.ถ้ามาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติเราต้องลาออก เมื่อกกต.มีความชัดเจนเรื่องเขตเลือกตั้งแล้วพรรคก็จะมีความชัดเจนกว่านี้

รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ตนเดินมาถึงวันนี้ไม่กังวลอะไรเลยเพราะกระแสพรรคดีขึ้นตลอดเวลา ขณะนี้กระแสพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังนำพรรคอยู่ ต้องปรับจูนให้กระแสพล.อ.ประยุทธ์กับพรรครวมไทยสร้างชาติเดินไปด้วยกันให้ได้ ซึ่งหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ต้องออกในนามพรรคมากขึ้นบางพื้นที่ชื่อพรรคคนจำไม่ได้แต่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์คนจำได้ ดังนั้นต้องทำสองอย่างนี้ให้เดินไปด้วยกันให้ได้ สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เรื่องนี้ไม่น่าซับซ้อน

“ยุทธ์ศาสตร์ชูนายกฯภาคอีสานเราต้องทำต่อไปปฏิเสธไม่ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์เป็นลูกอีสานจริงๆ แต่มีภาระหนักกว่านายกลูกอีสานคนอื่นๆ คือลุงตู่ต้องดูแลคนทั้งประเทศไม่ใช่ดูแลเฉพาะภาคอีสานเท่านั้น เราต้องสื่อสารความจริงให้ประชาชนรู้ คนรู้จักพล.อ.ประยุทธ์คือผลงานที่ทำมาช่วงเป็นรัฐบาล แต่สิ่งที่ไปบดบังผลงานพรรคอื่นสนิทคือ โครงการคนละครึ่ง บัตรประชารัฐ หรือชาวบ้านเรียกบัตรลุงตู่ ตรงนี้เป็นเรื่องจริงถ้าลงไปเดินข้างล่างก็จะทราบความจริงตรงนี้ต้องสื่อสารต่อไปเป็นจุดขายของพรรค” นายวิทยากล่าว

สำหรับ การเดินสายลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์จะมีมากขึ้น ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา ถือเป็นการเปิดประตูสู่อีสาน จากนั้นจะทยอยเปิดประตูไปสู่ภาคอื่นๆ อีกต่อเนื่อง ถ้าได้ไปสัมผัสลึกๆ ใครคิดว่าพรรคเพื่อไทยคืออีสานไม่ใช่เลย ขณะนี้คนเสื้อแดงร้อยละ 90 มีอารมณ์เดียวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำนปช.คือเขาอยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทย เขาหลุดจากกรอบครอบของเพื่อไทยแล้ว ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเขาก็มีพื้นที่แน่นอนของเขาโดยเฉพาะจังหวัดอีสานใต้ มีบ้านใหญ่ดูแลอยู่แม้จะเจาะยากแต่พรรคก็มีความพยายาม เช่น นายกเทศมนตรีบางพื้นที่ในจ.บุรีรัมย์แทนที่จะอยู่กับพรรคภูมิใจไทยก็เดินออกมา นักการเมืองแถวสองในลักษณะนี้ก็เดินออกมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติมาก หรือแม้แต่จ.อุดรธานีบ้านใหญ่คือ นายวิเชียร ขาวขำ นายกอบจ.อุดรฯ แต่ก็มีนักการเมืองแถวสองที่เดินออกมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ลักษณะนี้มีอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ

Message us