
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่เขาทุ่งปี๊ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล และ สส.พรรคก้าวไกล จ.เชียงใหม่ เดินขึ้นเขาทุ่งปี๊ อ.แม่วาง เพื่อร่วมภารกิจดับไฟป่า ตามกำหนดการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 16-17 มีนาคม โดยเมื่อมาถึง นายพิธาได้ใช้เครื่องมือดับไฟดัดแปลงมาจากเครื่องพ่นยาฆ่าแมลงเพื่อดับไฟ และเครื่องพ่นลมในการพ่นใบไม้ เพื่อสร้างเป็นแนวกันไฟ โดยมีอาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงาคอยแนะนำ ท่ามกลางไฟที่ลุกและมีกระแสลมแรงตลอดเวลา

นายพิธา เดินไปอีกจุดของเขาทุ่งปี๊ ซึ่งมีไฟไหม้มากกว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับไฟ ก่อนจะให้สัมภาษณ์ ว่า มีความยากลำบาก คิดว่าจำนวนคนยังไม่พอ มองว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 กว่า 40% น่าจะเผาจากต่างประเทศ 20% น่าจะเกิดจากไฟป่าในประเทศ และเราแก้ปัญหาไฟป่าได้แค่เพียง 10% เท่านั้นเอง ฉะนั้นต้องดูว่าทีมแบบไหน ที่ทำแล้วมีประสิทธิภาพมากที่สุด แล้วเพิ่มสเกลของทีมให้มาก

“ภาครัฐควรเติมคน เติมทีม งบก็ขอไป 1,000 ล้านบาท ได้มา 50 ล้านบาทถ้าจำไม่ผิด ได้มาก็ตำบลละ 1 หมื่นบาท เขาก็ซื้อเครื่องเป่าลม เครื่องละ 4,700 บาท ได้แค่ 2 เครื่อง” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ถ้าประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจะเป็นการดีที่สุด สามารถเอางบกลางมาใช้ได้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้มาเห็นสภาพจริงแล้ว จะมาฉีดน้ำมั่วไม่ได้ นอกจากนี้ ต้องแข่งกับลม แข่งกับเวลา แข่งกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด คิดว่าจำนวนยังไม่พอ

เมื่อถามว่า หากมีอำนาจรัฐในมือ สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า จะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ หากตัวเลขยังเป็นแบบนี้ ต้องประกาศหยุดเรียน เพิ่มหน้ากาก N95 ให้หาซื้อได้ในราคาที่ย่อมเยาหรือแจกฟรี และมานั่งดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แก้ที่ต้นเหตุดีกว่าปลายเหตุ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องประกาศ ทำเป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน

เมื่อถามว่า ปีที่แล้วมีการออกมาพูดถึงเรื่องการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของฝุ่น PM 2.5 สาเหตุของปีนี้ยังเป็นแบบเดิมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ดู จุดความร้อน 40% จะอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ในประเทศไทยมาจากไฟป่าพื้นที่เกษตรแทบจะไม่มี ตอนนี้ถึงเราเคลียร์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด ก็เป็นเพียงแค่ 2% ของพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งเป็นการเกาถูกที่คัน แต่ยังไม่พอ หลังจากนี้จะนำไปอภิปรายและเข้าสู่กรรมาธิการในสภาฯ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังดับไฟเสร็จสิ้น นายพิธา ได้ลงมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า โดยได้โค้งคำนับขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงให้กำลังใจในการทำงาน และรับปากว่า จะนำปัญหาที่ได้เจอเข้าสู่สภาฯ


