เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายที่จะลดค่าครองชีพ ลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน โดยควบคุมราคาสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน โดยได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวม ปี 2568 อย่างใกล้ชิด ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ หากมีปัญหาราคาสูงขึ้นให้รีบรายงานและเข้าไปกำกับดูแลทันที
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้รายงานให้ทราบว่า ได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าและบริการ ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก พบว่า สถานการณ์จำหน่ายในภาพรวมยังคงคึกคักเป็นไปตามกลไกตลาด ในส่วนของสถานการณ์การผลิตและราคาสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ ได้แก่ ไข่ไก่ ราคาปรับลดลง เนื่องจากมีไข่ไก่สะสมในระบบค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศเย็นลงอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อน (ต.ค.67 – ก.พ.68) ทำให้ผลผลิตไข่ไก่ในเดือนมีนาคม 2568 มีมากกว่าความต้องการบริโภค โดยราคาของไข่ไก่คละหน้าฟาร์มทรงตัวอยู่ที่ 3.20 บาท/ฟอง และราคาจำหน่ายปลีกไข่ไก่เบอร์ 3 ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 3.71 บาท/ฟอง จากเดือนก่อนหน้า
สำหรับ ไก่เนื้อ คาดว่าการผลิตจะอยู่ที่ 2,072 ล้านตัว คิดเป็นเนื้อไก่รวม 3.56 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศและการส่งออก ปัจจุบันราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มอยู่ที่ 40-41 บาท/กก. และราคาชิ้นส่วนไก่ในตลาดปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า โดยราคาน่องติดสะโพกอยู่ที่ 79.90 บาท/กก. และเนื้ออกติดหลังอยู่ที่ 78.56 บาท/กก. ในส่วนของราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยในช่วงเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 78.50 บาท/กก และคาดว่าจะทรงตัวในระยะต่อไป เพราะปริมาณสุกรในระบบลดลงจากสภาวะอากาศร้อนทำให้สุกรโตช้า ขณะที่ความต้องการของตลาดทรงตัว โดยคาดการณ์การผลิตปี 2568 ปริมาณสุกรเข้าสู่ตลาดจะอยู่ที่ 23.58 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2567 เล็กน้อย ซึ่งในส่วนของการผลิตยังสามารถรองรับความต้องการทั้งในประเทศและการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว และพม่า ได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ในส่วนของผักสด ราคาทั่วไปยังคงทรงตัว บางรายการมีปรับลงลดเนื่องจากผลผลิตเข้าสู่ตลาดเยอะ ด้วยสภาพอากาศและน้ำที่เพียงพอต่อการผลิต แนวโน้มในอนาคต คาดว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจะกระตุ้นความต้องการบริโภคไก่และสุกร ทำให้ราคาสุกรมีชีวิตและชิ้นส่วนไก่อาจปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงดังกล่าว ขณะที่ไข่ไก่ยังคงมีแนวโน้มทรงตัวจากปริมาณการผลิตที่เหมาะสมกับความต้องการบริโภคในประเทศ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในส่วนของสถานการณ์น้ำมันปาล์มขวด โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้บริหารจัดการร่วมกับห้างค้าส่งค้าปลีก และห้างท้องถิ่นในการชะลอการปรับราคาออกไปได้นานที่สุด และให้จำหน่ายในราคาที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชน เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน สำหรับปัจจุบันผลผลิตปาล์มเริ่มทยอยออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ประมาณ 20-30% ประกอบกับที่กรมการค้าภายในได้เร่งตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่คงเหลือเริ่มปรับสูงขึ้น โดยระหว่างวันที่ 3-5 มี.ค. 68 มีสต๊อกน้ำมันปาล์มคงเหลือ จำนวน 0.140 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10% เทียบจากการตรวจสอบเมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มเริ่มทยอยปรับลดลงจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลง ตามผลผลิตที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
