ผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรมต.เศรษฐกิจอาเซียน

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 30 ที่แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เห็นชอบแผนงานสำคัญที่เป็นกรอบการทำงานของเสาเศรษฐกิจอาเซียนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2567 ภายใต้วาระการเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว

นายนภินทรฯ กล่าว่า อาเซียนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับคู่ภาคี เพื่อให้อาเซียนเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการการผลิตของโลก ผ่าน FTA สองฉบับสำคัญของอาเซียน ได้แก่ (1) การเร่งรัดให้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มีผลใช้บังคับภายในปี 2567 เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนจากความตกลงฯ

ทั้งนี้ มีการปรับปรุงพันธกรณี ให้มีความทันสมัย รองรับกับรูปแบบการค้ายุคใหม่ รวมทั้งเปิดโอกาสและอำนวยความสะดวกในการส่งออกไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มากขึ้น และ (2) การผลักดันการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ให้มีความคืบหน้าสำคัญ เช่น การลดและยกเลิกภาษีสินค้าเพิ่มเติม การเปิดเสรีด้านการลงทุน และความร่วมมือกับจีนในสาขาใหม่ ๆ อาทิ การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจ สีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล ในขณะที่ อาเซียนเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคแล้ว

นอกจากนั้น ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนให้สอดรับกับแนวโน้มการพัฒนาของภูมิภาค ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจสีเขียว ให้เป็นที่ยอมรับในสากล ผ่านการจัดทำยุทธศาสตร์ลดช่องว่างการพัฒนาและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้พร้อมกับการค้ายุคใหม่นายนภินทรฯ กล่าวเสริมว่า อาเซียนได้คำนึงถึงระดับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัลที่ต่างกันของประเทศสมาชิก จึงเตรียมเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลอย่างเต็มที่ ผ่านการจัดทำความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดทิศทางการค้าดิจิทัลในอาเซียน ให้ประเทศสมาชิกมีกรอบกติกาด้านการค้าดิจิทัลที่เหมือนกัน เปิดกว้าง และปลอดภัยในการทำธุรกรรมด้านดิจิทัลระหว่างกัน

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า จะช่วยให้การประกอบธุรกิจและผู้บริโภคได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และจะช่วยส่งเสริมการค้าสินค้าและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องให้เติบโต รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ภูมิภาคก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2030 นายนภินทรฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดประชุมติดตามผลการดำเนินการอีกครั้งในเดือนกันยายน 2567 ก่อนนำเสนอผลลัพธ์สำคัญต่อผู้นำอาเซียนในเดือนตุลาคม ศกนี้

Message us