ป.ป.ช. ฟัน “ทวีป บุตรโพธิ์” รองอธิบดี พช. รับนาฬิกาหรู “มท.” สำเร็จโทษไล่ออก

6 มิถุนายน 2567  นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานายทวีป บุตรโพธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน รับนาฬิกายี่ห้อ TAG HEUER ราคาประมาณ 85,500 บาท จากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติและมีมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคลแต่ละโอกาสเกินสามพันบาท ว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค.58 ซึ่งเป็นวันที่นายทวีป เข้ารับตำแหน่งรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายทวีป ได้รับนาฬิกายี่ห้อ TAG HEUER รุ่น WAY 2113, BA0910SERIED RZE9871 ราคาประมาณ 85,500 บาท จากบุคคลที่มาแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งเป็นการรับทรัพย์สินจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติและมีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคลแต่ละโอกาสเกินสามพันบาทและหลังจากรับนาฬิกาดังกล่าวมาแล้ว ได้นำกลับไปเก็บไว้ที่บ้านของตนเองโดยมิได้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงและเหตุผลความจำเป็นในการรับทรัพย์สินไว้เป็นสิทธิของตนต่อผู้บังคับบัญชา

จนกระทั่งมีการร้องเรียนกรณีดังกล่าวมายังสำนักงาน ป.ป.ช. นายทวีป จึงได้มีหนังสือลงวันที่ 25 ก.ย.62 รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สินต่อผู้บังคับบัญชาและส่งมอบนาฬิกาคืนให้แก่กรมการพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นการส่งมอบคืนภายหลังได้รับทรัพย์สินดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 3 ปี 11 เดือน

นายนิวัติไชย กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายทวีป มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา103 ประกอบมาตรา 122ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2543(ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป

ขณะเดียวกันรายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า อกพ.มท.ได้ดำเนินการตามที่ปปช.ชี้มูล โดยไล่ออกจากราชการ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนมารับตำแหน่งใหม่บริาัทเอกชนได้นำนาฬิกามาเป็นของจวัญ ซึ่งเบื้องลึกไม่รู้เกิดเหตุอันใดบริษัทได้ไปร้องปปช.ในที่สุดจึงถูกไล่ออกประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Message us