บุก UN หยุดแทรกแซงม.112 อย่าสนับสนุนนักโทษก้าวล่วงสถาบัน

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่สำนักงานสหประชาชาติแห่งประเทศไทย(ยูเอ็น) ถนนราชดำเนิน นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ร่วมมือกับ กลุ่มกองทัพธรรม รวมตัวแสดงออกถึงจุดยืน หลังเห็นว่า ยูเอ็น แทรกแซงไทย สนันสนุนยกเลิกผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 โดยนายอานนท์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 25 มีนาคม 2567 มีผู้เชียวชาญจากองค์กรสหประชาชาติได้ออกมาแสดงความกังวลในประเด็นการดำเนินคดีของ นายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความ และยังเป็นนักโทษคดีความมั่นคง ซึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี และในความผิดมาตรา 112 รวมเป็นโทษจำคุกทั้งสิ้น 8 ปี

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของ ยูเอ็น ที่ระบุว่า 1.การลงโทษจำคุกให้ดำเนินคดีซ้ำซากต่อนายอานนท์ 2.การใช้กฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์ สร้างความตระหนกเป็นระยะเวลาหลายปี 3.การลงโทษต่อนักสิทธิมนุษยชนและบุคคลที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ

นายอานนท์ กล่าว่า พวกเราจึงเรียกร้อง ตอบโต้ ยูเอ็นว่า การลงโทษจำคุกของนายอานนท์ ที่โดนหลายคดี เนื่องจากนายอานนท์ “ทำผิดซ้ำซาก” ในขณะที่ศาลให้ความเมตตาได้รับการประกันตัวออกมาจากเรือนจำ จากนั้นนายอานนท์นำมวลชนออกมาทำผิด ย้ำว่า “ซ้ำซาก” จึงได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาหลายปี ส่วนข้อเรียกร้องการใช้กฎหมายมาตรา 112 ของประเทศไทย ไม่ได้สร้างความตระหนกให้กับประชาชนทั่วไปในประเทศ คณะทำงานกลไกพิเศษขององค์กรสหประชาชาติไม่ต้องมากังวลในข้อกฎหมายของประเทศไทย และให้องค์กรสหประชาชาติ หยุดก้าวล่วงมายุ่งวุ่นวายกับกฎหมายของประเทศไทย เพราะมาตรา 112 มีไว้คุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท รวมทั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ฉะนั้นกฎหมายทุกประเทศได้คุ้มครองผู้นำ และประเทศไทยก็เช่นกันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น พระมหากษัตริย์ของคนไทย ต้องมีกฎหมายคุ้มครอง

นายอานนท์ กล่าว ส่วนที่ 3การลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของประเทศไทยนั้น ระหว่างการจำคุกตั้งแต่ 3 -15 ปีซึ่งหลายคดีที่ศาลพิพากษาไม่มีคดีใดเกิน 3 ปี ส่วนที่โดนหลายปี เช่น 50 ปี เพราะการกระทำของผู้ต้องหานั้นกระทำความผิดซ้ำซาก ต่างกรรมต่างวาระ 4.การวิจารณ์และการปราศรัยในแต่ละครั้งของนายอานนท์ ผู้ต้องหามาตรา 112 และภาคีเครือข่าย ล้วนเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่สุจริต แต่เป็นการปราศรัย ก้าวล่วง ดูหมิ่นจาบจ้วง ใส่ร้าย บิดเบือนสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างๆนานา และไม่ใช่การสนับสนุนทางด้านสิทธิมนุษยชนที่กล่าวอ้างแต่อย่างใดและไม่ควรได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมในประเทศไทยที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

5.นายอานนท์ มีสิทธิ์ในการใช้เสรีภาพและการแสดงออก แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งการปราศรัยของนายอานนท์ในแต่ละครั้งเป็นการละเมิดสิทธิและจับจ้วง ก้าวล่วง สถาบันพระมหากษัตริย์ ฉะนั้นวันนี้ ศปปส. พร้อมกับ กองทัพธรรม เรามาร่วมกันเรียกร้องให้ ยู เอน หยุดก้าวล่วงหรือละเมิดอำนาจประชาชนคนไทย เพราะกฎหมายของประเทศไทยคนไทยจัดการกันเอง

นายอานนท์ กล่าวว่า อยากถามว่ายูเอ็นกำลังก้าวล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนไทยหรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศอยู่แล้ว ซึ่งยูเอ็นกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่า เพราะผู้ต้องหาแต่ละคนบอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตยและเรียกร้องความเท่าเทียม แต่พวกนี้จะก้าวล่วงและละเมิดซะเอง สุดท้ายเมื่อแพ้คดี ถูกจับติดคุก ก็จะมีการไปร้องกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งสถานทูตสหรัฐ และสุดท้ายมาร้องที่ยูเอ็น แต่ยูเอ็น ไม่เข้าใจระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

Message us