“บิ๊กโจ๊ก”ฮึ่มดำเนินคดีถึงที่สุดถูกต่างชาติอ้างชื่อหาผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แถลงจับกุม นายเฮอวี่ คริสเตียน โรเบิร์ต ลีโอนาร์ด อายุ 58 ปี สัญชาติฝรั่งเศส หลังจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ว่า มีชายชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล โดยแอบอ้างนายตำรวจในพื้นที่พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงแอบอ้างชื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) โดยนำภาพถ่ายคู่กับนายตำรวจรายต่างๆ ขณะที่เป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปใช้ในการแอบอ้างต่อกลุ่มชาวต่างชาติเพื่อเรียกรับเงินค่าคุ้มครองให้สามารถพักอาศัยอยู่ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวเนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบการการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฏหมายจนถึงที่สุด จนสืบสวนทราบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายเฮอวี่ คริสเตียน โรเบิร์ต ลีโอนาร์ด มีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับ ฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมาแล้วหลายคดี โดยครบกำหนดการอนุญาตพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563 แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงตรวจสอบเพื่อแกะรอยโดยใช้เวลาในการเฝ้าติดตามตัวนายเฮอวี่กว่า 4 เดือน จนทราบว่า หลังจากที่นายเฮอวี่ ถูกจับกุมข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ก่อนหน้า ได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างพิจารณาคดีของศาล แต่เมื่อถึงกำหนดนัดพิจารณาคดีกลับหลบหนี โดยนายเฮอวี่ มีพฤติกรรมในการย้ายที่พักอาศัยบ่อยครั้งในวงรอบทุกๆ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่พัทยา หัวหิน และ กรุงเทพฯ และแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจะแจ้งกับสถานที่พักต่างๆ ว่าเอกสารหนังสือเดินทางของตนสูญหาย

จากนั้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สืบทราบว่านายเฮอวี่ หลบหนีมาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จึงเข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมดังกล่าวจนพบนายเฮอวี่ พักอาศัยอยู่รวมระยะเวลาในการเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ( 868 วัน ) และเพิ่งย้ายเข้ามาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวเพียง 2 สัปดาห์ จึงจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบอีกว่า นายเฮอวี่ ถูกแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากผู้เสียหายอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก และ ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวจำนวนหลายหมายจับ พฤติการณ์ในคดีต่างๆ เหล่านี้มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือนายเฮอวี่ จะเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในเมืองพัทยา โดยอ้างว่ามีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายราย รวมทั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล (ตำแหน่งในเวลานั้น) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และจะข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว และเรียกรับทรัพย์สินจากกลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าวเป็นค่าคุ้มครอง ตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนประสานให้ บก.ภ.จว.ชลบุรี ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดทุกคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของชาวต่างชาติเป็นอันมาก เนื่องจากมีการแอบอ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงข้าราชการหน่วยอื่นเพื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้ ซึ่งจะตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป หากพบการกระทำดังกล่าวอีก จะต้องดำเนินคดีตามกฏหมายให้ถึงที่สุดทุกราย โดยขอฝากช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบ หากพบพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้งสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือ 1599 เพื่อแจ้งเบาะแสหรือขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Message us