เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา(สว.) ซึ่งมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติจากวิกฤตอุทกภัยอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ ซึ่งเสนอโดยนายเศรณี อนิลบล สว. และนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้สว. ได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง สว.เสียงส่วนน้อย นำโดย นพ.เปรมศักดิ์เห็นด้วยให้ตั้งกมธ.วิสามัญฯ แต่สว.เสียงส่วนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มสีน้ำเงินไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกันประธานที่ประชุมได้แจ้งว่า วิปวุฒิฯเห็นว่าควรให้กมธ.สามัญฯ รับเรื่องนี้ไปพิจารณา ไม่เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.วิสามัญฯ
อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งในการอภิปรายสนับสนุนให้ตั้งกมธ.วิสามัญ นายเศรณีซึ่งเป็นสว.เสียงข้างน้อย ได้อภิปรายด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นปนร้องไห้น้ำตาไหลจนต้องใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำตาตลอดเวลาว่า ขอพูดในหัวอกสว.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มเกษตรกรที่มาจากจ.นครสวรรค์ เข้าใจดีถึงความเดือดร้อน ยากลำบากของเกษตรกรที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ญัตตินี้เป็นเรื่องสำคัญควรตั้งกมธ.วิสามัญฯ ขึ้นมาศึกษาเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลได้แต่เยียวยา จ่ายค่าชดเชยให้เกษตรกรที่ถูกน้ำท่วม แต่เกษตรกรไม่ต้องการ อยากเห็นการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนเป็นระบบ แต่ทำไม่ได้ แม้จะศึกษาแนวทางแก้ปัญหามาหลายครั้ง ก็เก็บใส่ลิ้นชักไม่ทำ ทุกรัฐบาลไม่จริงใจแก้ปัญหา เก่งกันนักเรื่องศึกษา แต่ไม่เคยทำ ไม่เคยเห็นรัฐบาลใดจริงใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง การแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม ทำแบบเกาไม่ถูกที่คัน
“ผมพูดจากความรู้สึกอึดอัดตันใจ ทำไมสภาฯไม่ฟังเสียงข้างน้อย ไม่คิดช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน แก้ปัญหาเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังครูใหญ่ทุกอย่าง ต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง ทุกคนต้องมาร่วมมือกันไม่ว่า จะอยู่โรงเรียนใด จะมีครูใหญ่กี่คนต้องมาช่วยกัน สภาไม่ใช่การเมือง วันนี้ต้องทำงานเชิงรุก หวังว่า สว.ที่มีความคิด สติปัญญา จะเห็นด้วย” นายเศรณี อภิปราย
จากนั้น ในการอภิปรายพบว่า มีข้อเสนอจาก สว.เสียงข้างมาก ให้ตั้งกรรมาธิการเต็มสภาฯ เพื่อให้สว.ที่มาจากหลายจังหวัด หลายอาชีพ ได้แสดงความเห็นเพื่อแก้ปัญหา หลังจากที่พบว่าเสียงส่วนใหญ่จะไม่ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ
ภบท.5
