
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ชั้น 7 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการติดตามการดำเนินงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้าราชการ เข้าร่วมด้วย
นายกฯ รับฟังรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในเดือน มี.ค. – เม.ย.ต้องเฝ้าระวัง 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ถือว่าสถานการณ์จุดความร้อนของไทยดีขึ้น แต่สถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังคือจุดที่เมียนมา ซึ่งอยู่ประชิดชายแดนไทย จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้

นายกฯ กล่าวว่า ในเดือน มี.ค.และเดือน เม.ย.ต้องเข้มงวดหน่อย ต้องขอบคุณที่ช่วยกันเต็มที่ ทุกอย่างกฎหมายมีหมดแต่ต้องเน้นย้ำในเรื่องการใช้ และความร่วมมือบูรณาการ ซึ่งหลายๆนโยบายสำเร็จได้ด้วยทุกคน ขอฝากดูเรื่องสุขภาพของประชาชน และการแจ้งเตือนต่างๆ ให้ประชาชนทราบก่อนเพื่อป้องกัน
จากนั้น นายกฯ แถลงว่า ฝุ่นควัน PM 2.5 ตอนนี้จะหนักหน่อยทางภาคเหนือ ซึ่งมีฝุ่นควันที่พัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนในประเทศมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่นๆ ช่วยกันทุกฝ่าย ทำให้ปีนี้ค่าฝุ่นควันเราลดลงอย่างมาก ซึ่งรวมกันทั้งประเทศลดลง 16% และบางที่ก็ลดลงไป 20% บางจุด จุดความร้อนลดลงไปหลายเปอร์เซ็นต์มากถือว่ากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วยในเรื่องของการเผา และในเรื่องของป่าไม้ที่จะเกิดไฟไหม้ ทั้งนี้ ควรนำกฎหมายที่มีอยู่แล้วมาบังคับใช้ให้จริงจังยิ่งขึ้น และอาศัยการบูรณาการช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ก็สามารถทำให้ฝุ่นควันในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 60 วันต่อจากนี้ ซึ่งปลัดกระทรวงทรัพย์ฯระบุว่าเป็น 60 วันอันตราย ฝุ่นควันจะเยอะหน่อย เพราะฝนที่มีอยู่จะไม่ตก แต่จะตกอีกในช่วงเดือน พ.ค.ซึ่งฝนถือเป็นตัวช่วยหนึ่งในเรื่องฝุ่นควัน

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรามีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่และมีการให้ความรู้ รวมถึงข้อระมัดระวังต่างๆ แน่นอนว่ากระทรวงสาธารณสุขต้องช่วยดูด้วย ในเรื่องของบุคคลที่จะเจอความเสี่ยงเรื่องสุขภาพตามแนวชายแดนว่าจะมีอุปกรณ์เช่นใส่แมสในการสนับสนุนช่วยเหลือได้ และที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติงบกลาง ซึ่งได้รับรายงานจากกระทรวงทรัพย์ฯงบกลาง 620 ล้านบาท แก้ไขปัญหาการเกิดจุดความร้อนและไฟไหม้ต่างๆ ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และเป็นเรื่องที่เราทราบอยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์ประมาณนี้ เราก็จะวางเรื่องของงบประมาณให้ดีขึ้นอีกในปีต่อๆ ไป
“วันนี้ที่มาอัพเดทเรื่องนี้ เพราะเรื่องฝุ่นควันเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยกับเรื่องนี้ จะพยายามทำให้ดีขึ้นในทุกๆเดือน โดยกระทรวงทรัพย์ฯเป็นหน่วยงานหลักที่จะดูแลเรื่องนี้ต่อไป ต้องขอขอบคุณทางกระทรวงทรัพย์ฯ และทุกท่านที่มีการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศของเราการจัดการดีขึ้นแล้ว และกับประเทศเพื่อนบ้านก็ได้มีการพูดคุยประสานงานระหว่างกันหลายประเทศเพื่อขอความร่วมมือในเรื่องนี้ ก็ขอให้ประชาชนสบายใจว่าเรื่องฝุ่น PM 2.5 กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ” นายกฯ กล่าว