
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึมีกระแสข่าวว่า มีการกำชับให้พรรคร่วมรัฐบาล เห็นชอบในวาระรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากไม่สนับสนุนจะขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ว่า เป็นการพูดกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีการพูดข่มขู่ใคร แต่ยอมรับว่า มีคุยกับน้องๆที่เจอกัน ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเพียงการถามความคิดเห็น ไม่มีเรื่องข่มขู่ว่าใครไม่สนับสนุนแล้วต้องพ้นจากการร่วมรัฐบาลไม่มี และที่ผ่านมามีการหารือทั่วไปกับพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเพียงการถามความคิดเห็น แต่ละคนก็ไม่ได้ขัดข้อง วันนี้นายกรัฐมนตรีก็ได้บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน คือเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ต้องนำเรื่องนี้มาคุยกันเพราะประชาชนอยากรู้เรื่องนี้ ความสำคัญจึงต้องลดลงไป แต่ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน
เมื่อถามว่า การมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ทำให้การทำร่างกฎหมายดังกล่าวยากหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า พรรคร่วมมากก็นานาจิตตัง เราไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลบ่อยๆ ก็น่าจะคุยกันรู้เรื่อง เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการวางตัวผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจรไว้ล่วงหน้าไว้แล้ว นายทักษิณ กล่าว ยืนยันว่า ไม่มี ต้องมีการประมูลอย่างโปร่งใส มีกรรมการจากภายนอกวางไว้ จึงทำไม่ได้ ไม่มีใครสามารถจัดสรรได้นอกจากมีการประมูล ไม่มีคำว่ากาสิโนมีแต่คำว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆในนั้น เพราะหลายอย่างที่เราอยากมีก็มีไม่ได้ ต้องให้เอกชนมาลงทุน เช่น ฮอลล์ หรืออารีน่า จัดคอนเสิร์ต หรือสวนสนุกขนาดใหญ่ ที่จะเข้ามาลงทุน เราต้องการการลงทุนและการจ้างงาน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และต้องการภาษีอย่างถูกต้องโครงการนี้เป็นการพัฒนาประเทศ ตามปกติไม่มีอะไรซ่อนเร้น
“อย่างว่าก็มีขี้อิจฉาริษยากัน มองคนนั้นคนนี้ได้นั่นคนนี้ได้นี่ คนที่เห็นด้วยเยอะแต่เงียบ ที่ไม่เห็นด้วยแล้วออกมา บางครั้งก็ถูกชี้นำในทางที่ผิด เช่น ไปเปรียบเทียบกับบ่อนของประเทศเพื่อนบ้าน ตรงนั้นเป็นกาสิโนจริงๆ เพราะไม่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เลย แต่ของเราไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าเราทำแบบนั้นประเทศก็พัง อย่าไปหวั่นไหวหากคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้รัฐบาลต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ต้องอะไรบางพรรคที่เคยเห็นด้วยเมื่อก่อน เชียร์เต็มที่มีนโยบายพรรค แต่วันนี้เป็นฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยแล้ว คือจุดยืนไม่มี มีอย่างเดียวเป็นฝ่ายค้านก็ต้องค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาลต้องเชียร์ แบบนี้ไม่ได้”นายทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่า จะต้องมีการทำความเข้าใจกับฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องพูดกันด้วยเหตุผล นี่คือประชาธิปไตย ใครอยากจะค้านก็ค้าน แต่ในที่สุด ก็ต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผล พร้อมยกตัวอย่างสมัยก่อนเพื่อไทยแข็งแรงจะตาย แต่ถูกค้านเรื่องการซื้อลิเวอร์พูล ซึ่งวันนั้นลิเวอร์พูลถูกจะตาย วันนี้สู้ไม่ได้
เมื่อถามว่า พรรคตัวแปรหลักทั้งพรรคภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว นายทักษิณ กล่าวว่า บางคนก็เห็นด้วยครึ่ง ไม่เห็นด้วยครึ่ง ไม่เป็นไร เมื่อถึงเวลาที่ต้องเสนอกฎหมาย ก็ต้องเสนอ โหวตรัฐบาลก็ผ่าน เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆ ระหว่างพักร่วมรัฐบาล และยืนยันว่า ไม่มีหมู ไม่มีแมวในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า การพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวล่าช้า จะทันกับอายุของรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เราก็วางไว้ถ้าไม่ทันรัฐบาลหน้ามาทำต่อได้ ขั้นตอนกระบวนการเราก็คาดหวังว่า อาจจะไปช้าที่ชั้นสว. เมื่อถามย้ำว่า ถ้ารัฐบาลหน้าไม่ใช่พรรคเพื่อไทย กฎหมายนี้จะถูกตีตกหรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันอย่างมั่นใจว่า รัฐบาลหน้าก็พรรคเพื่อไทย ซึ่งในส่วนของสว. หากไม่เห็นด้วยก็มีเวลา 180 วัน หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านแล้ว สว.จะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. วันนี้ปัญหามันเกิดขึ้นระหว่าง สว.กับกระทรวงยุติธรรม ก็เลยเป็นปฏิกิริยา เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้อง Action หรือ Reaction
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า พวกนักการเมืองมันก็อยู่กับการเมืองทั้งนั้นแหละ อย่างไรก็หนีการเมืองไม่พ้น เราอยู่บนพื้นฐานการตั้งใจดีให้กับบ้านเมือง ไปแค่ไหนก็แค่นั้น ไปได้ก็คือไป ไปไม่ได้ก็คือไม่ไป