“ทนายดัง”ดับเครื่องชนจ่อร้องพักงาน”บิ๊กอัยการ”

รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น นายวันชัย บุญนาค ทนายความอิสระ นัดเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายเรวัตร จันทร์ประเสริฐ ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และคณะกรรมการอัยการทั้งคณะ ณ สำนักงานอัยการ อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตึก A ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอพิจารณาให้คณะกรรมการอัยการผู้ที่ถูกสอบสวนว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในหน้าที่คณะกรรมการอัยการฯในระหว่างที่ผลการสอบสวนยังไม่ได้ข้อยุติ

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2567 นายวันชัย บุนนาค ทนายความอิสระ ได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ดำเนินการสอบสวนกรณี นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งข้อหาบุกรุกป่าภูเรือ จังหวัดเลย จำนวน 6,200 ไร่ เป็นการใช้ดุลยพินิจถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศรา รายงานด้วยว่า สำหรับเอกสารประกอบการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบสวนคดีนั้น มีการระบุเนื้อหาว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าสื่อมวลชนหลายฉบับ ว่าเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องนางสาวนารี ตัณฑเสถียร อดีตอัยการสูงสุด และนายศักดา ช่วงรังษี รองอัยการสูงสุด ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อศาลอาญาคดี ทุจริต โดยสรุปในฟ้องกล่าวหาว่า นางสาวนารี ได้ออกคําสั่ง แต่งตั้งนายศักดาเป็นหัวหน้า คณะทํางานสอบข้อเท็จจริง กรณีนายสิงห์ชัยใช้อํานาจสั่งชี้ขาดคดีความเห็นแย้ง ในคดีที่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวหาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งกับพวก บุกรุกยึดถือ ครอบครอง ป่าไม้ภูเรือจังหวัดเลยจํานวน 6,000 ไร่เศษโดยมิชอบ

ทั้งนี้นายสิงห์ชัยเห็นว่าตนเองเป็นอัยการสูงสุดได้ใช้อํานาจในฐานะอัยการสูงสุดสั่งคดีชี้ขาดความเห็นแย้งในเรื่องนี้ ตามที่กฎหมายให้บัญญัติให้อํานาจไปแล้ว ดังนั้นนางสาวนารีฯจึงไม่มีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาสอบสวนในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้ได้อีก ซึ่งเมื่อ นายศักดา รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติตามคําสั่งนางสาวนารีจึงมีความผิดไปด้วยเช่นกัน

Message us