ตร.ปปป.เรียกสอบเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯเป็นพยานคดีอธิบดีเรียกรับเงิน

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เจ้าหน้าที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี ทยอยเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ตามหมายเรียกเพื่อให้ปากคำกรณีที่ ถูกนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช เรียกรับเงินโยกย้ายตำแหน่ง

สำหรับ กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาให้ปากคำในวันนี้มีด้วยกัน 17 คน อยู่ในระดับหัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมี 14 คน ที่นำเงินจำนวน 98,000 บาท ไปให้นายรัชฎา , กลุ่มที่ 2 พยานที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน จากการที่นายรัชฎาเรียกรับเงิน 3 คน ขณะนี้ทยอยเดินทางมาเข้าพบแล้วบางส่วน

ทั้งนี้ พยานทั้ง 17 รายที่จะเข้าให้ปากคำในวันนี้อยู่ในกลุ่มพยาน 19 คน ที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี นำข้อมูลมาให้เจ้าหน้าที่ ปปป. โดยก่อนหน้านี้มีพยานบุคคลที่เข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ไปแล้ว 2 ราย คือ นายชัยวัฒน์และ เจ้าหน้าที่อีกราย นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนยังได้มีการออกหมายเรียกกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ปรากฎรายชื่อบนซองเงินของกลาง จำนวน 8 หน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานมาเข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับที่ไปที่มาของซองเงินดังกล่าว ในวันที่ 11–12 ม.ค.ที่จะถึงนี้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่มาให้ปากคำในฐานะพยานตามหมายเรียกวันนี้ว่า พยานที่มาในวันนี้เป็นกลุ่มของนายชัยวัฒน์ เป็นกลุ่มที่นำเงิน 98,000 บาท มาส่งให้นายรัชฎา และเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกเรียกรับเงิน จากการสอบปากคำทุกคนให้ การเป็นประโยชน์และเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าถูกบังคับโดยส่วนใหญ่ไม่ยินยอมและไม่สมัครใจ  แต่สาเหตุที่ยินยอมเพราะเกรงกลัวอำนาจจึงยอมทำตามข้อเรียกร้องของนายรัชฎา

สำหรับ รายชื่อที่ปรากฏบนซองเงินของกลางภายในห้องทำงานจำนวน 21 ซอง สามารถตรวจสอบทราบบุคคลได้แล้ว 14 คนซึ่งเป็นระดับหัวหน้าของหน่วยงานนั้นๆที่กล่าวอ้างว่า ถูกเรียกเก็บเงิน  ล่าสุดได้ออกหมายเรียกแล้ว 6 คนให้มาวันที่ 11 มกราคม และจะออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 8 คนให้มาในวันที่ 12 มกราคม เวลา 10.00 น. ซึ่งมีบางส่วนยินยอมจะเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยาน ส่วนใครจะมาหรือไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็เป็นสิทธิของพยาน  แต่ในทางคดี อนาคตพยานก็จะถูก ป.ป.ช.เรียกสอบปากคำในภายหลังเพิ่มเติมอยู่ดี

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การสอบเส้นทางการเงิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ  เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงปลายทางของเงินที่ถูกเรียกเก็บ แต่ยืนยันว่าหากเชื่อมโยงถึงใคร ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีที่มีการกระแสข่าว ว่าหลังจากที่นายรัชฎาได้รับการประกันตัวแล้วจะเข้ายุ่งเหยิงข่มขู่กับพยานหลักฐานหรือไม่นั้น ในส่วนนี้จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีการไปยุ่งเหยิงหรือข่มขู่พยานแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนสอบปากคำหนึ่งในพยานที่มาเข้าปากคำกับทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ในวันนี้ ยอมรับว่า การให้ข้อมูลครั้งนี้อาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคต แต่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ จำเป็นต้องออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องของการถูกตัดงบประมาณการดูแลป่าและสัตว์ป่า ขณะที่การทำงานมีความยากลำบากมากขึ้น ขอให้ประชาชนเข้าใจว่าคดีความที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและหน่วยงานทั้งหมด จึงอยากให้สังคมเข้าใจการทำงานของบุคลากรกรมอุทยานฯ เพราะที่ผ่านมาหลายคนมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เนื่องจากงบประมานการดูแลสัตว์ป่าถูกตัดออกไปมากถึง 70% ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาใช้ใน ในการปฎิบัติหน้าที่ และดูแลลูกน้อง

พยานคนดังกล่าวเปิดเผยต่ออีกว่า ขณะที่ในส่วนของการให้ปากคำ รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้เป็นไปตามกฏหมาย ส่วนรายละเอียดของคดีก็เป็นไปตามที่หัวหน้า ชัยวัฒน์ร้องเรียนไว้ ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่า มีการข่มขู่พยานในคดี สำหรับตนเองนั้นยังไม่ได้รับการข่มขู่จากใครแต่อย่างใด และไม่มีการกดดันจากผู้ใฟญ่ในกระทรวง ส่วนคนอื่นตนก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ตนเองไม่ได้กลัวการถูกข่มขู่ แต่กลัวสิ่งที่เจ้าหน้าที่ปกป้องผืนป่ามาจะสูญเปล่า

Message us